ข้อมูลเรื่องโควิท ที่ธุรกิจยาและการเมืองไม่อยากให้คนได้รับรู้, COVID Infor which Thai people may never know.

in GEMS4 years ago

Today I would like to share some information about COVID which should be an eye-opening for some of my Thai friends; English is not a second language in Thailand. The main stream media has been drilling official information and information sponsored by pharmaceutical industries on tv everyday. People here have been bombarded with fear mongering and living in fear of death from catching the pandemic. People have started to quarrel about which groups would be the first to get the new batch of delivery. On the other hand, more ordinary and poor working people tend to be afraid of dying from the jabs. These people seem to have more information on those dying from getting the jabs and those injured by the jabs. I had only to ask some local security guards or office cleaners to catch up with recent cases. It was rather strange to know that the middle class and professional people in the cinema and entertainment businesses were thinking of taking special tours to America for the jabs. These rich people were so eager to get the best American jabs as soon as possible. The poor people were stunned by this fear frenzy among the rich and famous singers and film stars. I thought with all the money at their fingertips, they could have commissioned a team of researchers to give a summary of all the relevant data on COVID so they could make more prudent decisions.

CE1D919C-309F-4216-A228-0020826E96E0.jpeg

เราคิดว่าคนไทยส่วนใหญ่ไม่สามารถเข้าถึงข้อมูลทางเลือกที่สำคัญหลายๆอย่าง เพราะคนที่พูดความจริง แต่ไปขัดผลประโยชน์ของกลุ่มทุนและนักการเมือง มักจะถูกปิดปาก และใส่ร้ายป้ายสีด้วยสื่อที่อยู่ในสังกัดของกลุ่มทุนนั่นเอง ผู้ถือหุ้นรายใหญ่ของสื่อต่างๆย่อมมีอิทธิพลต่อนโยบายและบรรณาธิการของสื่อมวลชน คนที่พูดความจริงถูกปิดช่องทางในยูทูปและ สื่อโซเชียลทั่วไป หลายคนต้องมาเปิดช่องทางใหมทาง https://rumble.com และ https://bitchute.com กันในปัจจุบัน ถ้าลองพิมพ์ COVID truth ในช่องค้นหา เราจะเห็นข่าวล่าสุดจากหลายๆช่อง เราจะตามดูคนที่ตายจากการฉีดยา เราเสียใจมากที่บ่งคนที่เราตามดู ได้ตายจากไปแล้ว บางคนยังพอเดินได้ บางคนนอนอยู่ในโรงพยาบาล เพียงสองสัปดาห์พวกเขาก็ตายไปแล้ว มันเร็วจนเราทำใจไม่ทัน เราคิดว่าเขาน่าจะอยู่ได้ปีหนึ่ง

เราก็เลยต้องไปหาข้อมูลเพิ่ม แพทย์เฉพาะทางเรื่องสมองบอกว่า ถ้าmRNA หรือสไปคโปรตีนเข้าไปในสมองได้แล้ว คนป่วยมีเวลาไม่มากนัก เพราะสมองจะถูกทำลาย แล้วอย่างอื่นก็ทรุดลงตามไปด้วย คลิปข้างล่างนี้เพื่อนส่งมาให้ มีคำแปลเป็นภาษาไทยด้วย เราหว้งว่า เพื่อนคงเอาไปเผยแพร่ต่อด้วย เพื่อช่วยชีวิตคนไทยด้วยกัน

ดร.สุจริต ภัคดี ผู้เชี่ยวชาญด้านจุลชีววิทยา ตอนนี้ไปอยู่ที่เยอรมันได้พูดถึงวัคซีนที่อันตรายที่สุดตั้งแต่มีมวลมนุษยชาติคือวัคซีน mRNA (Pfizerและ moderna) ใน5-10 ปีผู้ที่ฉีดวัคซีนชนิดนี้เข้าไปจะเกิดปัญหาที่ผนังหลอด และเป็นสาเหตุที่ทำให้เลือดแข็งตัว ท่านได้อธิบายเป็นภาพให้เราเข้าใจง่ายลองดูคลิปนี้

https://www.bitchute.com/video/C8iQUBxI6Lt5/

นอกจากนี้ เพื่อนได้ส่งข้อมูลภาษาไทย ที่อธิบายเรื่องโปรตีนที่มีหนาม (spike protein) มาให้อ่านด้วย ทำให้เข้าใจง่ายมากขึ้น

เพื่อนส่งมาครับ

พวกบินไปฉีด pfizer หรือ moderna หรือกำลังจะไป ต้องอ่าน mRNA สามารถสร้าง PROTEIN เพี้ยนที่คุมไม่ได้นะครับ

คนไทยโชคดีได้ SINOVAC ปลอดภัย และ ASTRAZENECA ปลอดภัยมากสำหรับคนมีอายุและโรคประจำตัว


..ความน่ากลัวของวัคซีนที่ใช้ mRNA - Pfizer & Moderna..ตั้งใจอ่านนิดหนึ่งจะเข้าใจครับ...

mRNA vaccine ฉบับอ่านง่าย
(for dummies)

ที่มาของบทความนี้ก็คือ พอเขียนเรื่องประวัติศาสตร์ได้แล้ว ก็เลยอยากรู้ว่าจะเขียนแนวอื่นได้ไหม เผอิญท่านรองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ Phichet Banyati เคยชวนว่าให้เขียนเรื่อง mRNA vaccine สิ เลยน่าจะลองดู

จะเห็นว่าปัจจุบันวัคซีนโควิดมีการผลิตหลายรูปแบบมาก ไม่ว่าจะใช้เชื้อตาย (Sinovac), ชิ้นส่วนของไวรัส (Aztra) แต่อันที่เป็นที่ฮือฮามากที่สุดก็น่าจะเป็น mRNA เทคนิค

แล้วจริงๆมันคืออะไรเหรอ ?!?!

นักเรียนสายวิทย์คงทราบมาตั้งแต่สมัยเรียนชีววิทยา ม.ปลายแล้ว (ถ้าจำได้) ว่าส่วนประกอบที่สำคัญที่สุดของร่างกายก็คือโปรตีน ไม่ว่าจะเป็นส่วนไหนทางกายวิภาคหรือสรีรวิทยาของร่างกายก็ต้องมีโปรตีนเกี่ยวข้องด้วยทั้งสิ้น คราวนี้โปรตีนสร้างจากอะไร มันก็มีสูตรของมัน คือ
"DNA สร้าง RNA สร้าง โปรตีน" (ดูภาพด้านล่าง ) อันนี้คือแบบแผนที่แน่นอนและไม่มีการเปลี่ยนแปลงชั่วนิรันดร์สำหรับสิ่งมีชีวิตทั้งหลายนะครับ

สรุปก็คือโปรตีนที่เราต้องการจะถูกสร้างมาจาก RNA ต้นแบบ ซึ่งมี 3 ชนิด แต่ที่สำคัญมากก็คือ mRNA

หลักการของ mRNA วัคซีนก็คือ ใส่ mRNA ที่สร้างโปรตีนของไวรัสโควิด (ซึ่งอันนี้เราสามารถรู้ได้อยู่แล้วจากการถอดรหัสพันธุกรรมของไวรัส เหมือนเราทำขนมแหละครับ

mRNA คือสูตรขนม เราก็สร้างโปรตีนคือตัวขนมออกมาได้) เข้าไปในร่างกาย เมื่อเซลล์ของร่างกายรับ mRNA นี้เข้ามาก็จะสร้างโปรตีนที่รูปร่างหน้าตาเหมือนตัวไวรัสออกมา (คิดง่ายๆ mRNA คือสูตรขนม เซลล์ของร่างกายมีวัตถุดิบเช่นแป้ง น้ำตาล ฯลฯ อยู่แล้ว เมื่อเซลล์ของร่างกายมีสูตรขนมก็ใช้วัตถุดิบผลิตเป็นขนมขึ้นมา)

แต่เท่านี้ยังไม่จบ เมื่อร่างกายสร้างไวรัสจำลองออกมาแล้ว ไวรัสจำลองเหล่านี้ก็จะไปกระตุ้นภูมิต้านทานของร่างกาย ทำให้สร้างสารทางภูมิคุ้มกันออกมา (ซึ่งมันเป็นเรื่องปกติเพราะสิ่งเหล่านี้ไม่เคยมีอยู่ในร่างกายมาก่อน เมื่อมีสิ่งแปลกปลอมพวกนี้เกิดขึ้นมาร่างกายก็ย่อมสร้างภูมิคุ้มกันมาต่อต้าน ซึ่งเป็นกลไกในการปกป้องร่างกายตามธรรมชาติ) และภูมิคุ้มกันที่เกิดขึ้นนี้ก็จะปกป้องเราเมื่อมีการติดเชื้อโควิดไวรัสจริงเข้ามา (ก็แน่ล่ะ เพราะอาศัยสูตรขนมเดียวกัน คือลอก mRNA มานิ)

ฟังดูตามหลักการแล้วก็น่าจะดีเนอะ
แต่คราวนี้ปัญหามันอยู่ที่ว่า

  1. ไม่เคยมีวัคซีนที่ผลิตโดยเทคนิคนี้ขึ้นมาก่อนในโลก ดังนั้นก็เหมือนขนมที่ไม่เคยมีใครผลิตมาก่อน ใช้วัตถุดิบแปลกใหม่ที่เพิ่งคิดค้นขึ้น เรากินแล้วจะมีปัญหาอะไรไหม ?

  2. ปกติการสร้างโปรตีนของร่างกาย มันจะมีระบบควบคุมต่างๆเพื่อไม่ให้การสร้างโปรตีนผิดเพี้ยนไป (เหมือนคอยควบคุมไม่ให้ขนมผิดสูตร) แต่คราวนี้ mRNA ตัวนี้ไม่ใช่ของร่างกาย แต่เป็นของที่ฉีดเข้ามา (จาก Pfizer, Moderna คงคุ้นชื่อเนอะ) ระบบควบคุมคุณภาพเหล่านี้จะไปจับความผิดพลาดได้ไหม (เหมือนคุณมีโปรแกรมแอนตี้ไวรัสในคอม แต่ถ้าไวรัสแปลกๆเข้ามา มันอาจจะตามไม่ทันถ้าไม่อัพเดท หรือถ้าเปรียบเทียบกับทำขนม แทนที่จะหยิบน้ำตาลมาใส่ ดันไปหยิบเกลือโดยไม่รู้ตัวเพราะมันเป็นเกล็ดขาวๆ เหมือนกันก็จะได้ขนมรสชาติแปลกประหลาดออกมา)

  3. มันมีโรคทางระบบประสาทหลายโรค ที่ปัจจุบันยอมรับแล้วว่าเกิดจากโปรตีนที่ผิดเพี้ยนในร่างกาย (เรียกว่า misfolded protein) เช่น อัลไซเมอร์, พาร์คินสัน, ALS (ใครดูหนังเรื่อง the theory of everything หรือรู้จักอัจฉริยะฟิสิกส์ Stephen Hawking ก็โรคนั้นแหละครับที่เขาเป็น) ดังนั้นถ้าจากเหตุผลในข้อ 2 แล้วมีโปรตีนผิดเพี้ยนต่างๆเกิดขึ้นมาในอนาคต เราจะเป็นโรคเหล่านี้ไหม ? ก็ไม่มีใครบอกได้

เหตุผลที่เอาเทคนิคนี้มาใช้ผลิตวัคซีนโควิดเพราะว่าวิธีนี้สามารถสร้างวัคซีนขึ้นมาในปริมาณมากโดยใช้เวลาไม่นาน เหมาะกับภาวะเร่งด่วนแบบที่เราเจอวิกฤตในปัจจุบัน แต่ด้วยเหตุผลทางด้านบนจึงมีนักวิทยาศาสตร์หลายคนตั้งข้อกังขาและไม่สบายใจเกี่ยวกับ mRNA วัคซีนที่ใช้กันเยอะในเมืองนอกตอนนี้ อย่างไรก็ตามมันเป็นแค่ทฤษฎีนะครับ คงต้องรอเก็บข้อมูลในอนาคตต่อไป

เพิ่มเติม : ด้านล่างสำหรับเด็กสายวิทย์นะครับ ไม่ใช่สายวิทย์ผ่านไปได้เลย เพราะใช้ศัพท์ฟุ่มเฟือยเยอะ

ประเด็นที่น่ากังวลของ mRNA vaccine คือ

  1. ไม่เคยมี mRNA vaccine ใช้มาก่อนเลยในโลกนี้

  2. จะเอาวัคซีนเข้าร่างกาย RNA ต้อง stable มาก และต้องให้เซลล์มัน uptake เข้าไป และสร้างไวรัสจำลองขึ้นมา ร่างกายถึงสร้าง immunity จะคุม stability ยังไงให้มั่นใจ

  3. วิธีการใส่ mRNA เข้าไปในร่างกาย ถ้าจะให้เข้าเซลล์ได้มีประสิทธิภาพจริงก็ไม่สามารถฉีดไปแบบฉีดยาธรรมดา มันต้องใช้ Gene gun หรือ electroporation ซึ่งเขาก็ปรับปรุงโดยใช้ nanoparticle มาหุ้ม แล้วทำให้เข้าเซลล์ง่ายขึ้นโดยใช้การฉีดแบบวัคซีนธรรมดาได้ แต่ยังไม่รู้ว่า nanoparticle เหล่านี้จะมีผลข้างเคียงใดๆในระยะสั้นหรือระยะยาว ไหม {ตอนนี้ Moderna vaccine เจอบวมแดงที่แขนมากหลังฉีดหลายราย เป็นพวก hypersensitivity type 4 (หรืออาจจะ type 3 ในบางคนแบบ Arthus reaction) อาจถึงขนาดเป็นตุ่มน้ำพอง ไม่ทราบว่าจะจาก nanoparticle พวกนี้ไหม }

  4. มีโอกาสที่ mRNA มันจะสร้างโปรตีนอื่นที่ผิดเพี้ยนขึ้นมา ถ้าดันเป็น misfolded protein คนไข้มีสิทธิ์เป็น Alzheimer's หรือโรค neurodegenerative disease อื่นๆได้

แค่ฉีดให้มันเข้าไปในร่างกายได้อย่างมีประสิทธิภาพแล้วเซลล์รับมันเข้าไปข้างใน และสร้างโปรตีนไวรัสจำลองออกมานี้ก็ยากแล้ว และยังไม่รู้เลยว่าพอมันอยู่ในเซลล์แล้วจะพลาดไปสร้างโปรตีนอะไรประหลาดๆออกมาไหม มันเหมือนเรารับ foreign genetic material อันนึงเข้าไปในร่างกายและไม่รู้จะควบคุมได้แค่ไหน...

Pfizer ดันไปทะลึ่งยุ่งกับตัดเปลี่ยน DNA จะเป็นซ่อมบี้เต็มไปหมด
Cr: นพ.พิเชษฐ์ บัญญัติ
รองอธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์

F226EABD-79C4-4AA3-BD81-FA923134E687.jpeg

เราก็ต้องทำใจแล้วว่า ในอีกสี่ถึงห้าเดือนนี้ จะมีคนตายจากผลของยาฉีดมากขึ้นเรื่อยๆ เหมือนที่เกิดขึ้นในอินเดีย พอฉีดยาที่ผลิตเอง(เขาตัดสินใจไม่ส่งออก เพื่อระดมฉีดให้คนในเมืองใหญ่) คนที่ตายส่วนมากได้รับการฉีดยาแล้ว พวกฝรั่งยังตามข่าวในประเทศที่มีการระดมฉีดยาในประเทศอื่นๆ ผลคือจำนวนคนตายเพิ่มเป็นเงาตามตัว พอหยุดฉีดยา ตัวเลขคนตายก็ค่อยๆลดลง

อย่างน้อยเราก็ยื้อชีวิตให้ญาติผู้ใหญ่ได้ห้าคน เขาตัดสินใจรอจนถึงสิ้นปี เพื่อรอยาฉีดเวอร์ชั่นสองจากจีน เราก็บอกว่าไหนๆจะฉีด ก็เจ็บตัวครั้งเดียวพอ ไม่ต้องฉีดหลายเข็ม ทางจีนบอกเองว่า กำลังปรับปรุงสูตรยาฉีดให้ดีขึ้น เพราะเขาได้เรียนรู้จากของดั้งเดิมแล้ว ของใหม่จะมีคุณภาพดีกว่ามาก ตอนนี้เราก็หวังว่าบรรดาญาติของเราคงเก็บข้อมูล ตัวเลขคนเจ็บและคนตายจากยาฉีดในหกเดือนนี้

สถิตคนตายจากโควิท มีตํ่ากว่า0.1% คนที่ติดโคโรนาไวรัสมีสถิติรักษาหายมากกว่า 99% แต่ตัวเลขคนตาย และคนเจ็บป่วยจากยาฉีดนั้น สูงกว่ามาก ลองดูตัวเลขในอเมริกาตามลิ้งค์

https://www.openvaers.com/

C933060F-4EFA-4E56-98A3-B5889FE1CAD2.jpeg

เราคิดว่าทุกคนควรหาข้อมูลด้วยตัวเอง ก่อนตัดสินใจทำอะไรที่อาจจะมีผลต่อความสุขกายสบายใจในระยะยาว เราไม่เคยเชื่อนักกินเมือง นักธุรกิจที่หากินกับการคอรัปชั่น หรือข้าราชการที่โกงกินบ้านเมือง คนพวกนี้ไม่มีธรรมในใจ ไม่มีศีลห้า พวกเขาต้องการอำนาจและความร่ำรวย ตำแหน่งสูงๆยิ่งขึ้น ยิ่งธุรกิจยาและค้าอาวุธนั้นก็น่ากลัวพอกัน หมอที่กลายเป็นผู้บริหารกึ่งนักการเมืองดูน่ากลัวมาก เหมือนเพชรฆาตในชุดขาว

เราเคยมีเพื่อนสนิทเป็นหมอ เขาเล่าเรื่องต่างๆให้เราฟังมากมาย จนเราต้องสืบประวัติหมอก่อนที่เราจะไปคุยด้วย เพื่อนบางคนก็เจอหมอที่อยากให้ไปรับการผ่าตัดเปลี่ยนลิ้นหัวใจมาก จนเราต้องบอกให้ไปตรวจอีกโรงพยาบาลหนึ่ง ก็ถึงบางอ้อว่าหมออยากได้คนไข้เป็นผลงาน และมีรายได้เข้าด้วย เราเองก็เคยจัดการหมอที่สั่งจ่ายยาให้เราแรงๆถึงสี่ห้าอย่าง สารเคมีทั้งนั้น เราปฏิเสธไม่รับยา แผนกการเงินต้องโทรถามหมอทันที เราก็ย้อนคำพูดหมอว่า หมอบอกว่าเราแค่ต้องนอนพักผ่อนให้พอเพียงเท่านั้น ก็เลยให้เราคืนยาทั้งหมดไป เราคิดว่าคนไทยมองว่าหมอเป็นเทวดา พวกเขาก็เป็นคนที่มีกิเลส ต้องการอำนาจและหน้าที่การงานที่สูงขึ้น เหมือนมนุษย์เดินดินทั่วไป

96128C46-6C05-4CB8-A527-39B5F54014C1.jpeg

เรายังมีเพื่อนเป็นหมอผู้ใหญ่อีกคนหนึ่ง เขาก็จะเล่าให้ฟังว่าสังคมพวกหมอเองก็ไม่ต่างจากคนทั่วไป ใครเจอหมอที่มีศีลธรรมก็โชคดีไป นี่เรายังมีเรื่องอีกมากมายที่เพื่อนสนิทเคยเล่าให้ฟังตอนเรียนแพทย์ปีสุดท้ายที่น่าตกใจอีกหลายเรื่อง แล้วไหนจะเรื่องที่พวกนักเรียนแพทย์คุยกันในห้องผ่าศพอีกละ คนดีและคนเลวมีอยู่ในทุกวงการ แต่หมอเลวๆที่ชาวบ้านยกมือไหว้ด้วยความเคารพนี่แหละ น่ากลัวสุดๆ เราคิดว่าหมอดีๆมีอยู่มาก แต่เขากลัวว่าจะเด่นเกินไป จึงเลือกที่จะอยู่เงียบๆมากกว่า แต่หมอที่สามารถหากินกับนักการเมือง และธุรกิจข้ามชาติได้ น่าจะผิดหลักการที่ได้ปฏิญาณไว้แล้ว

เราก็คิดว่าทุกอย่างคงเป็นไปตามกฎแห่งกรรม เราคงต้องหัดปลง และวางอุเบกขาให้มากกว่านี้ รู้มากเกินไปก็ทุกข์มากเกินไป เราก็ต้องทำใจว่าหลายคนในครอบครัวจะเริ่มป่วยจากยาฉีดก่อนสิ้นปีนี้ และพวกเขาจะมีอายุสั้นโดยไม่คาดคิด เราก็หวังว่าพวกเขาคงคิดจัดการเรื่องทรัพย์สมบัติ และพินัยกรรมให้เรียบร้อยก่อนที่สมองจะเสื่อมลงในปีหน้า นี่คงเป็นผลกรรมจากการที่ไปอิงกับพวกนักการเมืองมาก เราเองรู้จักคนมากมายแต่กลับหนีไปทำสวน จนคนหาว่าเราบ้าบอไปแล้ว ถ้าได้เห็นผลกรรมของกิเลสอย่างที่เราเคยสัมผัส ก็จะเข้าใจว่า นรกสวรรค์นั้นมีอยู่จริง!

May peace and good health be with you.

Stay strong and cheerful.

Sort:  

Hope people in your country rise up and ask questions before acting like sheep..

Sorry! It’s too late. The psychological operation has been beautifully designed and executed! The campaign for getting the jabs was extremely successful! People are crying out for the jab! Luckily, the internal bickering and corruptions had slowed down the delivery. But Pfizer has been very obliging and made extra effort to deliver over 1 million dozes to save the government from people’s anger for such a long delay!

The rich middle class demands faster delivery of packages; some threaten to fly overseas for the jabs. Tour companies are gearing up for exclusive jab-trip overseas. The poor working class people all told me how they were so afraid of the jabs. It may be because the injured and dead people are mostly people from their provinces outside Bangkok. This is quite alarming as rich and well educated are so afraid of COVID that they see the jabs like their ultimate protection!

Everything in our world today backwards.. Lies are taken as truth and visa versa. .Stay strong my friend..

Thanks. It’s getting worse each day! People, working class people, are being pressurized to take the jabs against their will! I told them that was against the law.

Being rich and being wise are totally two different sets of qualities. Even those trained for years in the medical field made irredeemable mistakes in favor of power and money. Singers and film stars are convenient targets for unscrupulous Pharmaceutical companies due to their popularity and influencer status. They hold more influencing power than the Prime Minister and royalties combined.

I couldn’t believe that my cousins with master degrees from American universities and high level connections all went for privileged session of jabs for those with political connections. Other relatives who are in international business also went for their jabs! I was lost for words! Rich middle class people are very afraid of dying from catching COVID!

The singers and film stars are very eager to get back to live concerts and to getting people to go back to cinemas. They had no idea that their careers are already over! AI is coming to replace them all. Very few of these people had any idea about cryptos and blockchain!

The big doctors were the best at calmly and coolly telling people to get ready for the third jab as boosters by the end of this year! They didn’t want big Pharma to lose any profits! Otherwise, the shareholders won’t give the board of directors bigger bonuses! I will never be able to trust smart looking doctors in white gowns again!

Hmmm... I can understand your cousins' behaviors. They have a lot to lose that's why they are afraid of dying. They probably have to consider the future of their young children if they die of sudden premature death. Also, some still have plenty of unfulfilled dreams. The best action is actually to prepare wills first instead of rushing off for COVID jabs. For those with crypto assets, it's best to let their spouse/trusted kin know the whereabouts of their private keys prior to getting COVID jabs.

Smart singers and film stars got involved or collaborated with Youtube and Netflix. Their futures are somewhat secured for the time being. That is if Youtube and Netflix kept their words and reward them accordingly.

What goes around comes around. Those unscrupulous smart doctors will get their karma too. Our world is too polluted with pesticides so those planning to have offspring will be either infertile or be prepared to live with abnormal children. In fact, having abnormal children will be the new normal.

What a waste of money if you don't use the facts to guide you and let fear steer the way. I feel like that is everywhere in the world. I have to say that the numbers are high. Which one are they using?

Hi! Yup! People ought to have more information on this matter of life and death.

This website is in the USA and a voluntary reporting system by all interested doctors there. You could look around the homepage for detailed information which is quite horrific!

EDE5EDC3-91CD-47FD-9692-085192B3164B.jpeg

I did. Thanks!