( เครดิตภาพจาก google )
คุณผู้อ่านทุกท่าน เคยกันมั้ยคะ ที่ครั้งหนึ่งในชีวิตได้รู้จักการเขียนจดหมาย ถ้าเป็นคนรุ่นราวคราวเดียวกับดิชั้นละก็ ต้องเคยกันแน่ๆ สมัยนั้น ไม่มีหรอกค่ะ โทรศัพท์มือถือ facebook line email เป็นยุคที่จะติดต่อกันทีก็ต้องเขียนจดหมายถึงกัน พอส่งไปเสร็จก็รอ ร้อ รอ พี่ไปรษณีย์จะนำจดหมายของคนที่เรารอมาส่งให้หน้าบ้าน นึกถึงแล้วมันช่างสุขใจเสียจริง แต่ก็ทรมานเล็กน้อย เพราะกว่าจดหมายจะส่งถึงกันก็ใช้เวลา 3 วันแหนะค่ะ
และที่สำคัญ เวลาส่งจดหมายก็ต้องมีสแตมป์ใช่มั้ยล่ะคะ ฮู้ย ยุคของการสะสมสแตมป์ เชื่อว่าหลายๆคนต้องมีสมุดใส่สแตมป์เก็บสะสมไว้แน่ๆ เวลากลับไปดูสแตมป์เก่าๆที่เราสะสมมา มันหาค่ามิได้เลยนะคะ
( เครดิตภาพจาก google )
ที่มาของเรื่องในวันนี้ก็คือว่า ดิชั้นมีคนไข้สูงวัยท่านนึง ได้เดินทางมาเที่ยวที่เชียงใหม่กับลูก แล้วบังเอิญต้องเข้านอนในโรงพยาบาลที่ดิชั้นทำงานอยู่ คุยไปคุยมา คุณตาถามว่าหมอเป็นคนที่ไหน ดิชั้นก็บอกไปว่า เป็นคนสันป่าตองจ้าว คุณตาหน้าตาสดชื่นขึ้นมาทันที แล้วก็เริ่มเล่าชีวิตรักกับสาวสันป่าตองให้ฟัง เป็นชีวิตที่ไม่สมหวัง เพราะตาเป็นหนุ่มบางกอก ทางด้านคุณแม่ของคุณตาท่านก็ไม่ปลื้มสาวบ้านนอกสักเท่าไหร่ สมัยนั้นไปมาหาสู่กันด้วยจักรยานค่ะ คุณตาปั่นจักรยานจากในเมืองไปบ้านสาวเจ้าอยู่เป็นประจำ จนกระทั่งพ่อแม่ทราบเรื่อง สั่งคุณตากลับไปกทม. และก็ไม่ได้กลับมาอีกเลย สุดท้ายต่างคนต่างไปมีชีวิตเป็นของตัวเอง คุณตาบอกว่า รู้มั้ยหมอ จดหมายทุกฉบับที่เขียนหากัน ทุกวันนี้ตายังเก็บไว้อย่างดี ทุกครั้งที่มองจดหมายปึกนั้น พอมองตาคุณตา พบว่ามีแววตาแห่งความสุขอย่างชัดเจน หมออย่างดิชั้นก็อดที่จะอมยิ้มตามและนึกถึงเรื่องราวเก่าๆไม่ได้ นั่นแน่ คุณผู้อ่าน แอบอมยิ้มเหมือนกันล่ะซีคะ
แอบยิ้มเลยค่ะคุณหมอ ☺️😊 @arisada
ความรักซึ้งยังกะในละครเลยครับ เสียดายที่คุณตาไม่สมหวัง ผมอยากให้เรื่องของคุณตาสมหวังจังเลยครับ ผมก็ชอบอ่านจดหมายที่สาวส่งให้เหมือนกันครับ รู้สึกดีกว่าอ่านผ่านไลน์เยอะเลยครับ เราได้เห็นตัวอักษรที่เค้าเขียน แล้วรู้สึกดีครับ แต่ของผมก็เหมือนกับของคุณตาเลยครับ คือไม่สมหวังครับ 55
55 ไม่เป็นไรนะคะ อย่างน้อยก็เป็นความทรงจำที่ดี ที่เวลาเรานึกถึงทีไร ก็จะมีแต่ความสุขใจค่ะ