ใครที่เคยอ่านบล็อกของด๋ามา จะรู้ว่าด๋าเป็นนักพากย์ แต่กว่าจะได้เป็นนักพากย์ก็ฝ่าฟันอะไรมายาวนานเหมือนกัน เพราะจะว่าไป การเป็นนักพากย์ค่อนข้างเป็นอาชีพที่ปิด ไม่ใช่ว่าใครสมัครก็จะได้รับเลือกง่าย ๆ มันต้องดูหลายอย่าง ต้นทุนของเสียง ดีมั้ย พูดจาฉะฉานรึเปล่า อ่านหนังสือแตกมั้ย คล่องจริงรึเปล่าหรือคล่องแต่ตู่คำมั่วไปหมด อ่านเป็นพูดมั้ยหรืออ่านเป็นอ่าน คำว่าตู่คำ หมายถึง อย่างเช่น คุณอ่านจักรยานยนต์เป็นจักรยานเฉย ๆ อ่านคำว่าของเหลวไหลลงท่อ เป็น เรื่องเหลวไหลลงท่อ อะไรประมาณนี้คือกวาดตาเร็วอ่านเร็วจริง แต่ผิดความหมาย ส่วนคำว่าอ่านเป็นพูดหรืออ่านเป็นอ่าน ก็หมายถึง คุณอ่านแล้วฟังดูเป็นธรรมชาติเหมือนกำลังพูดจาปกติมั้ย หรืออ่านเป็นอ่าน แข็ง ๆ ทื่อ ๆ ฟังแล้วรู้สึกว่าอ่านหนังสือมากกว่าการคุยกัน
ทีนี้ปกติจริง ๆ แล้วด๋าไม่ใช่คนเสียงเพราะ เป็นคนเสียงค่อนไปทางใหญ่ ๆ ห้าว ๆ แข็ง ๆ แต่เป็นคนรักการอ่านตั้งแต่เด็กก็เลยอ่านคล่อง ทีนี้คุณคงนึกอยู่ว่าเสียงใหญ่ ๆ ห้าว ๆ แข็ง ๆ แล้วเป็นนักพากย์ได้ยังไง ก็ต้องรู้จักการดัดเสียงไงล่ะคะ การที่มีต้นทุนเสียงใหญ่ อาจทำให้พากย์เป็นเด็กชายหรือยายแม่ป้าได้ดี แต่การรู้จักดัดเสียง เปลี่ยนลีลาไปตามคาแรคเตอร์ตัวละคร จะทำให้เราพากย์ได้หลากหลายตัวละครมากขึ้น ด๋าไม่ได้บอกว่าการเป็นนักพากย์ต้องมีเสียงไพเราะเพราะพริ้งนะคะ แต่ต้องเนื้อเสียงดี ไม่แหบ พูดชัด เพียงแต่การที่คุณมีเสียงไพเราะ นั่นอาจทำให้คุณได้พากย์เป็นตัวนางเอกที่หน้าตาสวยงามเหมือนเทพธิดา แต่ก็อีกแหละที่คุณจะไม่ค่อยได้พากย์ตัวโกงตัวน่าเกลียดตัวตลก อะไรเหล่านั้นเลยเพราะเสียงสวยเกินไป 😅
ทีนี้เส้นทางของด๋าเริ่มจากการเล่นละครวิทยุค่ะ ไม่รู้ทำไมถึงเรียกว่า"เล่น"ละครวิทยุ แต่เขาเรียกกันอย่างนั้นจริง ๆ ด๋าเรียนจบปริญญาตรีปุ๊บก็ตัดสินใจว่าจะทำงานด้านการพากย์นี่ล่ะ แต่ไม่รู้จะไปเริ่มทางไหนยังไง เพราะอย่างที่บอกไว้ตอนต้นว่ามันค่อนข้างเป็นอาชีพที่ปิด แต่พอดีตอนเรียนมีเพื่อนในคณะคนนึงเคยไปสัมภาษณ์น้ากัลที่คณะละครเกศทิพย์ด๋าเลยถามทางจากเพื่อนคนนั้น แล้วก็พุ่งตรงเข้าไปที่ห้องพากย์ละครวิทยุคณะเกศทิพย์เลยค่ะ ก็เป็นบุญที่น้ากัลรับด๋าไว้ทันที เริ่มต้นตอนแรกก็ไม่ได้พากย์อะไรหรอกค่ะ เข้าไปนั่งดู ทำความรู้จักกับพี่ป้าน้าอาที่เล่นมาก่อน ทำความคุ้นเคยกับระบบการอัดการเล่น ห้องเล่นละครก็ไม่ได้กว้างใหญ่อะไรเลยค่ะ มีโต๊ะยาวที่มีเก้าอี้สองสามตัว ไมค์สองสามตัว แต่ที่ประหลาดใจก็คือในห้องอัดมีของเยอะมาก บนโต๊ะจะมีถ้วยแก้ว ขวดแก้ว กระเป๋าที่มีซิป กุญแจ พวงกุญแจ ปากกาเครื่องโทรศัพท์(สมัยนั้นเป็นเครื่องโทรศัพท์แบบหมุนค่ะ ไม่ใช่ระบบจิ้มแป้นตัวเลขเหมือนปัจจุบัน😁) มีจาน ช้อนส้อม อะไรเยอะแยะสารพัดค่ะ ส่วนบนพื้นก็จะมีแผ่นไม้ มีกล่องใส่สายเทป งงมั้ยคะกล่องใส่สายเทปคืออะไร สมัยก่อนเราจะมีเทปคาสเสตค่ะ เราก็จะดึงสายเสียงที่อยู่ในตัวเทปออกมายาวอีรุงตุงนังแล้วเอาใส่กล่องไว้ บางคนอาจพอนึกภาพออกแล้วว่าทำไมในห้องอัดถึงต้องมีของเยอะแยะพวกนี้ด้วย ใช่ค่ะ เอาไว้ให้นักพากย์ทำซาวน์เอฟเฟ็คต์ประกอบการเล่นละครวิทยุนั่นเองค่ะ เสียงกินข้าวก็ใช้ช้อนส้อมกับจาน เสียงโทรศัพท์ก็หมุนแป้นโทร. หยิบกุญแจก็คว้าพวงกุญแจ กินเหล้าชนแก้วก็เอาถ้วยแก้วกระทบขวดแก้ว แผ่นไม้บนพื้นก็เอาไว้ทำเสียงเดินเอารองเท้ากระทบเป็นจังหวะเดินหรือวิ่ง ส่วนสายเทปในกล่องเวลาโกย ๆ หรือเอามือไปกวน ๆ มันก็มีเสียงคล้ายเสียงฝนตกแซ่ก ๆๆๆ ประมาณนี้อะค่ะ แค่อ่านก็สนุกแล้วใช่มั้ยคะ แต่จะมีเสียงอยู่สองเสียงที่ด๋าประทับใจมากว่าเขาคิดกันได้ยังไง เสียงนึงนั่นก็คือเสียงแก้วแตกค่ะ เทคนิคคือเอาพลาสติกที่ไม่หนาครอบเป็นฝาไว้ที่ปากถ้วยแก้วแล้วเอากุญแจดอกนึงทิ่มให้พลาสติกขาดพร้อมกับทิ้งกุญแจลงในถ้วยแก้วเลยค่ะ มันจะเกิดเสียงเหมือนแก้วตกแตกจริง ๆ ใครนึกไม่ออกลองทำดูค่ะ😄 ส่วนอีกเสียงนึงคือเสียงค่อย ๆ แง้มเปิดประตูที่ดังแอ๊...ดด นั่นล่ะค่ะ เขาทำยังไงรู้มั้ยคะ เขาเอากระดาษมาบีบปากกาแน่น ๆ แล้วค่อย ๆ หมุนด้ามปากกาค่ะ มันจะดัง แอด ๆ ๆ ๆ เป็นเสียงแง้มประตูเลย นึกถึงแล้วยังตื่นเต้นอยู่เลยค่ะตอนเห็นเขาทำครั้งแรก ประทับใจมาก
ทีนี้ สัปดาห์นึงจะอัดแค่วันเสาร์เท่านั้น ด๋าก็ไปนั่งดู บางทีมีตัวประกอบก็จะได้เข้าไปลองพูดประโยคนึง เป็นพยาบาล เป็นแม่ค้า เป็นเลขา เป็นตัวอะไรที่มีบทเป็นตัวผ่าน ก็ผ่านไปได้ด้วยดี ไม่มีโดนดุ ไม่ทำให้เขาต้องเทคใหม่ ก็โล่งใจไปทีละคราว พอผ่านไปสักระยะ เริ่มได้รับบทบาทที่เป็นตัวละครตัวนึงในเรื่อง ตอนอัดก็ไม่มีใครดุหรือว่าอะไร ก็อัดผ่านไปปกติ ต่อมามีพี่คนนึงบอกว่า ด๋า เธอลองไปเปิดฟังตอนละครออกอากาศ เธอจะได้รู้ข้อบกพร่องของตัวเอง ด๋าก็เลยเปิดฟังค่ะ รู้เลยว่าเป็นยังไง พี่เขาคงไม่อยากวิจารณ์เราตรง ๆ เลยบอกให้ฟังเอง ได้ผลค่ะ ฟังแล้วเสียงโดดจากคนอื่น โดดในที่นี้ไม่ใช่โดดเด่นออกมานะคะ แต่โดดแบบไม่เข้ากับคนอื่นค่ะ เสียงก็เบา ๆ อ่อย ๆ ไม่ค่อยมั่นใจ แฟนละครฟังแล้วคงรู้เลยว่านี่เสียงเด็กใหม่แน่ ๆ ที่เสียงออกมาอย่างนั้นด๋าก็รู้เลยค่ะว่าเพราะอะไร ก็เพราะว่าเราไม่มั่นใจในเสียงของตัวเอง ด้วยเราคิดมาตลอดว่าตัวเองไม่ใช่คนเสียงเพราะ แรก ๆ รับตัวประกอบแค่ประโยคเดียวเลยไม่มีปัญหา พอมารับตัวเดินมันเลยแกว่งค่ะ แล้วพูดเยอะด้วย ออกมาไม่ดีเท่าที่ควร แต่พี่ ๆ เขาบอกว่ากลัวทำไม เสียงเราอะดีอยู่แล้ว ใส่ไปเลย เอาให้มันเต็ม ๆ นั่นเลยเป็นจุดที่ทำให้ด๋าเริ่มเชื่อมั่นในเสียงของตัวเองมากขึ้น เรื่องต่อ ๆ ไป ผ่านค่ะ จนมีการชวนไปเล่นคณะอื่นเพิ่ม ต่อมาน้ากัลบอกประมาณว่าไม่อยากให้เสียงคนในเกศทิพย์ไปออกคณะอื่น ขอให้เราตัดสินใจ ด๋าก็เลยออกจากคณะเกศทิพย์ไปค่ะ ด๋าเล่นละครวิทยุคณะอื่นต่อมาอีกสัก 6 ปีได้ ขณะเดียวกันก็แปลบทพากย์ส่งให้บริษัท UTV ไปด้วย (จนตอนหลังUTV กับ IBC มารวมกันเป็น UBC ก่อนที่จะเปลี่ยนมาเป็น Truevisions ทุกวันนี้)
วันนึง ขณะที่ด๋าไปส่งบทที่Ubc เพื่อนที่เป็นนักพากย์
คนนึงก็จะไปพากย์หนังใหญ่ต่อกับทีมพันธมิตร เลยพาด๋าไปฝากฝังกับพี่โต๊ะหัวหน้าทีมพันธมิตร ให้ช่วยฝึกให้ พี่โต๊ะก็กรุณารับไว้ วันธรรมดาก็ค่อย ๆ ฝึกไปค่ะ โดยที่ยังเล่นละครวิทยุวันอาทิตย์ และได้เรียนรู้ว่า การเล่นละครวิทยุกับการพากย์หนัง มันไม่เหมือนกันเลย มันไม่เอื้อกัน และมันเป็นคนละศาสตร์ เลยเลิกเล่นละครวิทยุค่ะ และมุ่งมั่นกับการพากย์หนังตามเจตนาที่ได้ตั้งไว้ตั้งแต่เรียนจบ ถึงวันนี้ก็พากย์หนังมา 17-18 ปีแล้วล่ะค่ะ บอกได้เต็มปากและเต็มหัวใจว่ารักอาชีพนี้มาก แต่ก็ไม่เคยลืมว่าเราเริ่มมาจากละครวิทยุ
เอาล่ะค่ะ วันนี้พอแค่นี้ก่อนนะคะ หวังว่าใครที่มาตามอ่านคงสนุกสนาน ได้รับอรรถรส และได้รู้จักละครวิทยุ กันไปพอสมควรนะคะ ไว้วันหลังจะมาเล่าถึงความแตกต่างของสองศาสตร์นี้ วันนี้ด๋าไปทำงานบ้านก่อนล่ะค่ะ😄
แต้วเคยฟังละครวิทยุสมัยเป็นเด็กค่ะยายที่บ้านชอบเปิดฟัง และช่วงทำนาก็จะเอาวิทยุไปตั้งที่คันนา ทำนาไปฟังละครวิทยุไป สนุกดีนะคะ 😁
สนุกค่ะแต้ว ฟังเพลิน ๆ เสียงพระเอกก็หล๊อหล่อ เสียงนางเอกก็ส๊วยสวย เสียงตัวอิจฉาก็ขี้อิจฉาสุด ๆ เสียงตัวตลกก็ฟังขำ ทุกเสียงทำให้เรานึกภาพตามได้จริง ๆ ค่ะ
นับถือคนคิดการทำเสียงประกอบฝนตก แก้วแตก และเปิดประตูเนอะ ด๋า ด๋าก็เก่งมากกว่าจะถึงตรงนี้ได้ เราเองถ้าขับรถไปต่างจังหวัดแล้วถ้าบังเอิญเจอละครวิทยุก็จะหยุดฟังทุกครั่ง รู้สึกว่าเป็นศาสตร์ที่มีเสน่ห์มาก ในการที่เล่าเรื่องให้คนจินตนาการตามได้
ใช่จ้ะซี มันน่าทึ่งมาก ทำให้คนเฉย ๆ อย่างเราหลงเสน่ห์จนต้องเข้าไปเรียนรู้ ^^
@cicy พี่ซีหายไปไหน น้องคิดถึงมากๆ ค่ะ
@winutcha พี่ยุ่งมากเลย แต่ไม่ได้ไปแล้วไปลับนะ ยังแอบตามโหวตให้อยู่นะจ๊ะ คิดถึงๆๆ
ห้ามหายไปนะพี่ซี น้องต้องร้องไห้แน่เลย ตอนนี้ทุกคนยุ่งๆ หมดเลย แต่ถ้ามาตามแอบโหวต ตามทักทายและแซว น้องๆ ก็ชื่นใจ
หายไปหลายวันเลยนะคะ คุณซีก็หายต๋อมเหมือนกันเลย😊
ค่ะคุณแคท อาทิตย์ที่ผ่านมา งานยุ่งจริง ๆ วันนี้วันอาทิตย์ เลยพอมีเวลาชิล ๆ เขียนเล่าอะไรยาว ๆ ได้ ขอบคุณที่มาอ่านค่ะ ^^
@siamcat ช่ายย...ซีหายต๋อมไปจริงๆ ค่ะคุณแคท แต่จะพยายามกลับมาให้เร็วที่สุดค่ะ :)
เล่าเก่ง ละเอียดเห็นภาพเลยครับ
ขอบคุณมากค่ะคุณสมเกียรติ ด๋าเล่าจากความทรงจำที่เคยไปคลุกคลีมาด้วยตัวเองเลยค่ะ เป็นความประทับใจและอยากให้คนที่ไม่เคยสัมผัสอะไรแบบนี้ ได้เห็นเหมือนที่ด๋าเห็น ขอบคุณที่คลิกเข้ามาอ่านนะคะ
ได้เห็นหน้าคนพากย์แล้ว เก่งมากครับ เคยฟังมานานแล้วคณะเกศทิพย์ ชื่นชมครับ
ขอบคุณค่ะ ^^ แต่ด๋าอยู่เกศทิพย์แค่ช่วงสั้น ๆ เองค่ะ คิดว่าไม่น่าจะถึงปี แต่ก็ถือว่าเป็นจุดเริ่มต้นที่มีอะไรดี ๆ ค่ะ
หวังว่าเห็นหน้าคนพากย์แล้วจะไม่ทำให้เสียอรรถรสในการดูหนังพากย์นะคะคุณ@whitepegasus 😅
เก่งมากเลยค่ะพี่ด๋า เล่าได้สนุกและเก็บทุกรายละเอียด พี่ด๋าเจ๋งมากเลยที่ได้ทำในสิ่งที่ตัวเองชอบ รออ่านโพสต่อๆ ไปนะค่ะ
ขอบคุณค่ะวิ ดีใจที่ชอบอ่านนะคะ แต่ก็เกรงว่าถ้าเล่าแต่เรื่องพากย์หนัง ทุกคนจะเบื่อเสียก่อน ไว้ด๋าจะพยายามหาแง่มุมอื่น ๆ มาเล่าบ้างนะคะ ^^
ไม่มีใครเบื่อหรอกค่ะพี่ด๋า เพราะเป็นเรื่องใหม่ๆ ที่วิก็อยากจะรู้ไปเรื่อยๆ เลยค่ะ โดยเฉพาะพันธมิตรเป็นทีมพากษ์ที่สนุกโดยเฉพะหนังจีน มุขเยอะดี วิว่าต้องเคยได้ยินเสียงพี่จากหนังเรื่องไหนสักเรื่องแน่ๆ
อุ๊ยขอโทษนะจ๊ะน้องวิ เพิ่งเห็นเม้นต์นี้
พันธมิตรกับอินทรี เล่นมุกฮาพอกันค่ะ เพราะจริง ๆ บางทีก็ใช้นักพากย์คนเดียวกัน บางมุกก็เกิดขึ้นแบบ มาทันที บางมุกก็คิดกันนาน ต้องย้อนหนังกลับมาดูภาพว่าเล่นอะไรได้บ้าง บางมุกก็ใส่เป็นเพลง อย่างทีมอินทรีจะมีหนังสือเพลงวางไว้เลยค่ะ พูดแล้วก็คิดถึงบรรยากาศตอนพากย์
เสียงด๋า มั่นใจว่าวิต้องได้เคยฟังแน่นอน 100% ค่ะ ไม่จากที่ใดก็ที่หนึ่ง ขนาดซีรู้ว่าด๋าเป็นนักพากย์ ยังเพิ่งมาบอกว่าได้ยินเสียงนี้มานานแล้ว แต่ไม่รู้เลยว่าเป็นเสียงด๋า เหะ ๆ 😄
ชอบคนที่พากษ์เสียง ค่ะ เพลินดี ส่วนตัวคิดว่า คนพากษ์เสียงเป็นอะไรที่น่าทึ่งมากเขา นอกจากพวกเขาภาษาไทยต้องคล่องแล้ว ต้องใช้ไหวพริบด้วย ยอมรับเลยค่ะ อยากเป็นมั่ง แต่อ่านไม่เก่ง ภาษาไทยไม่คล่อง งือ ถ้าอยากเป็นต้องฝึกอีกยาว ขอบคุณที่แชร์จ้า
ยินดีค่ะคุณ@alexwonderful ขอบคุณที่มาอ่านนะคะ ด๋าก็ไม่ได้เก่งอะไรหรอกค่ะ ถึงพากย์หนังได้แต่ก็ทำอย่างอื่นไม่เป็นเลย เหมือนได้รับพรมาข้อเดียวให้เอาไว้ใช้ประกอบสัมมาอาชีพโดยเฉพาะ 😄 ทำกับข้าวก็ไม่เป็น เย็บปักถักร้อยก็ไม่ได้ อายจัง~~