หลายครั้งที่นั่งค้นหาข้อมูลบางอย่างในคอมพิวเตอร์
ค้นไปเพลินๆจึงได้พบว่าตัวเองมาเผลอเปิดดูรูปเก่าๆอีกแล้ว
ความทรงจำที่ตกตะกอนนอนก้นจนเหมือนจะจำไม่ได้ ก็ผุดพรายขึ้นมาอีกครั้ง
เช้านี้ก็เช่นกัน ค้นมาค้นไปสักครู่เดียวก็เผลอไปเพลิดไปเพลินกับการดูรูปที่เก็บไว้นานจนลืม
และนึกถึงประสบการณ์ที่ผ่านมา กระทั่งมาสะดุดหยุดกึ้กอยู่ที่รูปชุดนี้
‘พระธาตุพระอานนท์’ และ 'หอไตรกลางน้ำ’
เมื่อปี ๒๕๕๕ เรากับน้องๆทีมงานไปทำงานที่ยโสธร พอจบงานก็แวะเที่ยวก่อนกลับเป็นธรรมเนียมปฏิบัติค่ะ งานนี้ก็ปรึกษาเจ้าถิ่นว่าไปแวะที่ไหนดีที่ไม่ไกลจากในเมืองมากนัก ก็ได้รับแนะนำว่าไปไหว้พระธาตุพระอานนท์ที่วัดพระธาตุยโสธร ซึ่งเป็นวัดคู่บ้านคู่เมืองเก่าแก่ตั้งแต่ครั้งแรกสร้างเมืองยโสธร
ด้วยความเป็นคนเชื่อคนง่าย รีบไปเลยค่ะ ไม่มีอิดออด เมื่อไปถึงก็ไหว้พระธาตุทันที ไปถึงสายมากแล้ว แดดเปรี้ยงเลย แต่กลับรู้สึกร่มเย็นในใจ หลังจากนมัสการพระธาตุแล้วก็เลยนั่งปุ๊กลงตรงนั้น ทำตัวเป็นอิกคิวซังขอใช้หมองสักนิด สรุปว่านั่งสมาธิอยู่กลางแดดตรงหน้าพระธาตุนั่นแหล่ะค่ะ ปกติไม่ใช่คนขยันสวดมนต์ไหว้พระนั่งสมาธิทุกวันนะคะ แต่วันนั้นความรู้สึกคืออยากนั่งสมาธิ อยากนั่งสมาธิ อยากนั่งสมาธิ เฉพาะเจาะจงว่าต้องนั่งตรงหน้าพระธาตุด้วยนะคะ หลับตาปุ๊บก็สงบสบายทันที ไม่รู้สึกร้อนเลย สักครู่หนึ่ง ก็มีกลิ่นโชยมา เป็นกลิ่นหอมเหมือนข้าวหอมมะลิที่กำลังหุงอยู่ กลิ่นออกจะหอมหวานๆ ฟุ้งไปทั่ว ตอนนั้นคิดว่าสงสัยร้านอาหารแถวนี้หุงข้าว คงจะเป็นข้าวใหม่หอมเชียว หอมแบบไม่เคยได้กลิ่นข้าวหอมแบบนี้มาก่อน ครั้นพอลืมตาขึ้นมาก็ยังติดใจกลิ่นอยู่ เลยไปเดินหาว่าร้านอาหารที่เขาหุงข้าวอยู่ตรงไหน กะว่าจะได้ชิมข้าวอร่อยๆก็งานนี้แหล่ะ
เดินมองหาจนรอบ สรุปว่าไม่มีค่ะ ไม่มีร้านอาหาร ไม่มีใครหุงข้าว
เอ้า..แล้วกลิ่นอะไร ไม่อยากสงสัยต่อ ตอนนั้นเลยบอกตัวเองว่าเป็นกลิ่นหอมของเทวดาค่ะ จะได้สบายใจ
องค์พระธาตุยโสธร หรือพระธาตุพระอานนท์ เป็นพระธาตุเก่าแก่องค์สำคัญองค์หนึ่งของภาคอิสานที่รับอิทธิพลจากศิลปะลาว อีกทั้งเป็นแห่งเดียวในประเทศไทยที่บรรจุอัฐิธาตุของพระอานนท์ 'พระอัครอุปัฏฐาก' หรือ พระผู้เป็นเลิศในการเฝ้ารับใช้พระพุทธเจ้า ลักษณะเจดีย์เป็นทรงฐานสี่เหลี่ยมจัตุรัสกว้างยาวด้านละ ๘ เมตร ก่ออิฐถือปูน สูง ๒๕ เมตร ๓๐ เซนติเมตร ส่วนยอดคล้ายองค์พระธาตพนม
นอกจากพระธาตุพระอานนท์แล้ว ที่วัดมหาธาตุยโสธรยังมีสิ่งล้ำค่าอีกสองสิ่ง
สิ่งแรกคือพระสำคัญคู่บ้านคู่เมืองยโสร “พระพุทธบุษยรัตน์” หรือ “พระแก้วหยดน้ำค้าง” หรือ “พระแก้วขาว” เป็นพระพุทธรูปศิลปะเชียงแสน เป็นพระเนื้อแก้วใสบริสุทธิ์ปางสมาธิ ขนาดหน้าตักกว้าง ๑.๙ นิ้ว ท้าวพญาเมืองจำปาศักดิ์ได้ถวายพระแก้วขาวนี้แด่พระบาทสมเด็จพระพุทธเลิศหล้านภาลัย โดยอัญเชิญมาที่กรุงเทพฯ เมื่อปีพ.ศ.๒๓๕๕ ในกาลต่อมาพระบาทสมเด็จพระนั่งเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ ๓ โปรดเกล้าฯพระราชทานให้แก่พระสุนทรราชวงศาเจ้าเมืองยโสธรคนแรกพระแก้วหยดน้ำค้างจึงเป็นพระคู่บ้านคู่เมืองยโสธรนับแต่นั้นเป็นต้นมา ด้วยองค์ขนาดพระเล็กมาก มองไม่ค่อยจะเห็นเลยไม่ได้เก็บภาพมาค่ะ
อีกสิ่งคือหอไตรกลางน้ำ เป็นอาคารไม้กลางน้ำ
สันนิษฐานว่าสร้างขึ้นในสมัยรัชกาลที่ ๔ หรือรัชกาลที่ ๕ แห่งกรุงรัตนโกสินทร์
โดยพระครูหลักคำ (กุคำ) เจ้าอาวาสวัดมหาธาตุรูปที่ ๓
หอไตรเป็นที่เก็บคำภีร์ใบลาน พระไตรปิฎกและตำราต่างๆ ซึ่งนำมาจากเมืองเวียงจันทน์ มีโอกาสเข้าไปเดินชมในหอไตร เพลิดเพลินมากค่ะไม่อยากออกมาเลย เดินดูชมไปช้าๆ อิ่มใจค่ะ
บันทึกเมื่อนึกได้
๑๐ พฤษภาคม ๒๕๖๑
Authored by : @iceplease
For more information :
http://www.visityasothon.com/
https://en.wikipedia.org/wiki/Yasothon
ขอบคุณที่ติดตามนะคะ
ทุกโหวตและคอมเมนท์คือกำลังใจค่ะ
Thank you for all your vote and comment. :D
โพสท์นี้เข้าวัดเลย
ฮ่าๆๆ ไปเรื่อยเปื่อยค่ะพี่
Sneaky Ninja Attack! You have just been defended with a 11.38% upvote!
I was summoned by @iceplease. I have done their bidding and now I will vanish...
woosh
A portion of the proceeds from your bid was used in support of youarehope and tarc.
Abuse Policy
Rules
How to use Sneaky Ninja
How it works
Victim of grumpycat?