🚣 วันนี้อยากจะมาเขียนบล็อคเรื่องนี้ให้เพื่อนๆได้อ่านกันสักหน่อยน่ะคร้าบบ 😊😊
ผลสำเร็จด้านหนึ่งของการศึกษาทางด้านวิทยาศาสตร์และ จิตวิทยา คือ ทำให้มนุษย์มีการจัดการที่ดีขึ้นกับตัวเอง เพราะมันได้เน้นหนักในเรื่องความมั่นใจในตนเองแต่ในทางกลับกัน หลักคำสอนของศาสนา จริยธรรมและ ตรรกะ เน้นว่าเราจะต้อง ไว้วางใจในพระผู้เป็นเจ้าแต่เพียงผู้เดียวเท่านั้น ไม่ใช่วางใจในตัวเอง
(ภาพ 📷 อาจจะไม่ตรงตามเรื่อง แต่เป็นบรรยากาศ ⛅ ของประเทศอิหร่าน เอาภาพมาฝากให้ทุกคนได้ดูกัน ❤❤)
จะเห็นว่าทั้งสองมุมมองนี้ขัดแย้งกันโดยสิ้นเชิง แต่ก่อนที่เราจะตัดสินว่าความมั่นใจในตัวเองของเราขัด หรือ ไม่ขัดต่อหลักคำสอนของศาสนานั้นเราจะต้องมาทำความเข้าใจ คำว่า “มั่นใจในตัวเอง” จากคำนิยาม หรือ คำจำกัดความ 2 ข้อนี้เสียก่อน
1.ความมั่นใจในตัวเอง ของผู้ที่มีความเข้าใจในความสามารถ ศักยภาพของตัวเอง และพึ่งพาความสามารถที่มีอยู่ ในการพยายามตอบสนองต่อความต้องการของตนเอง เพื่อให้บรรลุถึงตัวตน ที่แท้จริงของความเป็นมนุษย์ ความมั่นใจในตนเองเช่นนี้ ไม่ได้ขัดต่อหลักคำสอนศาสนา และจิตวิญญาณแห่งความไว้วางใจในพระผู้เป้นเจ้าของเขา ประโยชน์ของความมั่นใจในตัวเองแบบนี้ สามารถกล่าวด้วยคำสำคัญทางศาสนาสองคำคือ : เป็นความมั่นใจในตัวเองที่ตั้งอยู่บนความรู้ของตนเอง และความรู้ที่เป็นความเมตตาจากพระผู้เป็จ้า ซึ่งเป็นแบบที่เหมาะสมในการนำมาใช้
2.ความมั่นใจในตัวเอง ของผู้ที่ถืออีโก้ หรือ ยึดตัวเองเป็นใหญ่ นั่นคือ การพึ่งพาในความสามารถและในความรู้ของตนเองเพียงอย่างเดียว เพื่อพัฒนาไปสู่ความทะเยอทะยาน ในการตอบสนองความต้องการของตัวเอง ปฏิบัติราวกับว่าตัวเองเป็น แหล่งที่มาสุดท้ายของความเป็นอยู่ที่ดีและ การประสบความสำเร็จสูงสุด ความมั่นใจในตัวเองแบบนี้ไม่เพียงแต่ขัดแย้งกับหลักคำสอนของศาสนา แต่มันเป็นแค่ภาพลวงตา ความเพ้อฝัน และ จินตนาการของความมั่นใจในตนเองเท่านั้น ซึ่งแท้ที่จริงแล้ว มันเป็นความมั่นใจในตัวเองที่น่า รังเกียจ เพราะเป็นการยึดตัวเองเป็นศูนย์กลาง และมีความมั่นใจในตัวเองมากเกินไป
ขอบคุณ 🙏 เพื่อนๆทุกๆคนที่ติดตามอ่านและโหวตให้น่ะคร้าบบ 🌹🌹 มีอะไรแนะนำก็ฝากคอมเม้นกันด้วยน่ะครัช ❤❤