เพื่อนหลายๆ ท่านอาจจะยังไม่ค่อยรู้จักแอนว่า(เคย)ทำอาชีพอะไร หรือทำงานอะไร วันนี้เลยมาเล่าถึงประสบการณ์ทำงาน แล้วมาจบที่งานที่ทำอยู่ปัจจุบันได้อย่างไรกันค่ะ
บริษัทนี้เคยทำเมื่อ 2 ปีที่แล้ว เป็นบริษัทวิศวกรเกี่ยวกับพลังงานสีเขียว (พลังงานแสงอาทิตย์ พลังงานลม และก๊าซชีวภาพ) ตอนที่เข้าไปทำตำแหน่งแรกคือพนักงานเปิดประตู 555 เป็นพนักงานรีเซฟชั่นนั่นละค่ะ คอยกดปุ่มเปิดประตู ต้อนรับแขกที่เข้ามาเป็นลูกค้าของบริษัท คอยรับโทรศัพท์ต่างๆ ทั้งภาษาไทย ภาษาอังกฤษ และภาษาคนทั่วๆ ไป 555 คือมันก็มีบ้างที่บางท่านโทรมาแล้วคุยไม่รู้เรื่องก็จะโอนไปให้หัวหน้าช่วยคุย อะไรประมาณนี้ พอทำไปซักพักก็ได้เลื่อนตำแหน่ง ย้ายโต๊ะเข้าไปด้านใน คอยเป็นผู้ช่วยหัวหน้าฝ่ายบุคคล แล้วก็มาทำด้านไอที ที่คอยวิ่งวุ่นทั้งออฟฟิศเพราะเดี๋ยวคนนั้นเปิดคอมไม่ติด(คือลืมเสียบปลั๊ก) ปริ้นงานไม่ออก ติดไวรัส ลงโปรแกรมเพิ่ม ย้ายโต๊ะ ย้ายปลั๊ก คือห้ามใส่กระโปรงเลยเพราะต้องมุดโต๊ะ ก้มๆ เงยๆ เลยต้องใส่กางเกงแบบแมนๆ นี่ล่ะ จากที่ไม่ค่อยได้ใช้ความรู้ตอนเรียน (ซึ่งเรียนจบมาทางด้านอิเล็กทรอนิกส์คอมพิวเตอร์) ซึ่งมันก็ไม่ค่อยจะมีผู้หญิงเรียนเพราะงานมันไม่ค่อยจะมีให้ผู้หญิงทำ เพิ่งมาลุยเต็มที่ก็ตอนเริ่มทำงานแล้วค่อยๆ ปรับใช้นี่แหละ หลังจากนั้นก็ค่อยๆ หาความรู้จากประสบการณ์จริง จนได้เป็นเจ้าหน้าที่แอดมินฝ่ายไอที ต้องคุยกับตู้เซอร์ฟเวอร์ในวันที่เค้าหยุดกัน เพราะฝ่ายอาคารจะปรับปรุงระบบไฟ แล้วห้องเซอร์ฟเวอร์ต้องมีคนคอยรีบูทมัน เพื่อที่ฝ่ายขายเค้าจะได้ทำงานกันออนไลน์ต่อ (แม้ในวันหยุดก็ห้ามหยุด ถ้าใครเคยทำฝ่ายขายที่ต้องติดต่องานกับต่างประเทศจะค่อนข้างถึก) หลังจากทำงานมาได้ 4 ปี เกือบๆ 5 ปี บริษัทเกิดขาดทุนหนัก เลยมีการค่อยๆ จ้างพนักงานออก เราก็เป็น 1 ในนั้น
หลังจากนั้น ก็ลั้ลลาหางานใหม่ไปประมาณ 1 เดือน หัวหน้าเก่าฝ่ายวิศวกรก็เรียกให้ไปทำด้วยกันแต่เป็นบริษัทของคนเกาหลี
เป็นคนที่โชคดีตอนที่ทำงานบริษัทเก่า เราไม่เกี่ยงงาน ช่วยงานได้หมดทุกฝ่าย (อยู่สังกัดฝ่ายบุคคล แต่รับจ๊อบทำเอกสารฝ่ายบัญชี ฝ่ายวิศวกรก็ช่วยทำจัดซื้อประสานงานส่งของวางบิล ฝ่ายไอทีก็ช่วยจนจำไม่ได้ว่าตัวเองทำตำแหน่งอะไร เพราะถือว่าเราได้ฝึกทักษะของตัวเอง เอามันให้รู้ทั้งบริษัทเลยว่าแต่ละคนเค้าทำงานอะไรยังไง จนข้อดีนั้นแสดงผล ที่หัวหน้าฝ่ายวิศวกรที่ทำบริษัทก่อนนั้นเรียกให้ไปช่วยงานที่บริษัทใหม่ แต่คราวนี้เป็นระดับหัวหน้า เราก็ทำงานมาเอง ลุยเองหมด ไม่เคยสั่งงานใครมาก่อนเลยยังไม่มีความแก่กล้า แต่โชคดีเจ้านายคนเกาหลีใจดี และเป็นกันเองมาก เลยทำงานโดยที่ไม่ต้องกังวลเรื่องหัวหน้า-ลูกน้อง ทำงานกับเพื่อนๆ ในฐานะพี่และเพื่อนมากกว่า แต่เราก็เติบโตขึ้นเนื่องจากหน้าที่ที่ต้องดูแลหลายฝ่าย ณ ตอนนั้นบริษัทนี้ยังไม่มีระดับหัวหน้า (manager) ของฝ่ายธุรการ ฝ่ายบุคคล ฝ่ายไอทีสารสนเทศ และฝ่ายจัดซื้อ เลยสมัครตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายธุรการไป ได้เงินเดือน 2 เท่าจากบริษัทเดิม แต่ได้ของแถมเพิ่มคือ ได้ 4 ตำแหน่งรวด สรุปไปไม่รอด เพราะบริหารเองไม่ไหว ไม่ได้เป็นมืออาชีพ เลยขอเจ้านายไปว่าเงินเดือนไม่ขอเพิ่มนะ แต่ขอลดงาน สมัครมาตำแหน่งเดียว ทำไมแถมให้อีกตั้ง 3 ตำแหน่ง มันบ่ไหวจริมๆ เท่านั้นยังไม่พอ .... พอหุ้นส่วนจากเกาหลีมาดูงานที่ไทย แวะมาเยี่ยมเยียนที่ออฟฟิศ หลังจากไปเยี่ยมชมไซต์งานโซล่าเซลล์แล้ว ได้รับคำสั่งว่า พนักงานออฟฟิศเยอะเกินไป ให้ลดพนักงานหน่อย 1 ในนั้นก็คือข้าพเจ้าด้วยเช่นเคย แต่ก็มีพนักงานท่านอื่นๆ ที่ทยอยออกด้วย เพราะคนเยอะกว่างาน (ซะงั้น) หลังจากนั้นเลยหันหลังให้วงการงานประจำพวกงานบริษัทเลย และหนีไปเที่ยวเวียดนามเกือบเดือน แล้วค่อยมาเริ่มหางานใหม่ แต่ระหว่างนั้นก็รับจ๊อบสอนภาษาไทยให้กับฝรั่ง ได้ชั่วโมงละ 300 ร้อยบาทก็ได้ค่าข้าวอยู่หลายวันอยู่นะ 555
จนเมื่อปีที่แล้วงานประจำล่าสุดคือ ผู้ช่วยครูประจำชั้น ป.5 ของโรงเรียนอินเตอร์ ที่ต้องมีผู้ช่วยครู เพราะเด็กยังต้องมีเหมือนพี่เลี้ยงคอยเป็นสื่อกลางให้ระหว่างเด็กกับครูชาวต่างชาตินั่นเอง ก็ทำอยู่ 1 ปี ต้องย้ายตามแฟนมาที่ฮานอยตามคำเรียกร้อง แต่เนื่องด้วยสัญชาติไทย ค่อนข้างมีข้อจำกัดในการร่วมงานด้านการศึกษาที่ฮานอย เลยไม่ได้มีโอกาสเข้าทำงานในโรงเรียนกับเด็กๆ อีก เลยผันตัวเองมาทำงานอิสระด้านงานออกแบบกราฟฟิคนั่นเอง ยังไม่ได้เป็นมืออาชีพหรอกค่ะ เพียงแต่มันก็เป็นรายได้ส่วนหนึ่งในตอนที่เราไม่ได้ทำงานประจำ ตอนนี้ก็มีความสุขดีตามอรรถภาพ 🤣 ขอแค่ไม่มีหนี้ก็สุขที่สุดแล้วค่ะ
สภาพตอนหอบงานไปทำที่บ้าน
ภาพนี้เป็นการไล่ล่าเด็ก ป.3 ตอนไปปั่นจักรยานที่สวนรถไฟ เด็กน้อยคนนี้มาจากเกาหลี เค้าอยากปั่นจักรยานรอบสวนด้วยตัวเอง เลยต้องเป็นพี่เลี้ยงคอยไล่ตามห่างๆ เพื่อความปลอดภัย
สรุปแล้ว ไม่ว่าอาชีพไหน ก็ทำให้แอนมีความสุขได้หมด เพราะแอนสนุกกับมัน เต็มที่กับงานที่เรารัก งานที่เราได้รับโอกาส งานที่เราไม่ได้เรียนมา แต่เมื่อโอกาสอยู่ข้างหน้า มันคือประสบการณ์ที่ดีที่สุดที่เราได้รับ ความสุขที่ได้ทำงาน เพราะเราไม่เลือกงาน ไม่เกี่ยงเงินน้อย ไม่คอยวาสนา อยู่ที่ไหนก็ไม่อดตาย
อาชีพหลายอย่างมากเลยครับคุณแอน เก่งมากเลยครับ
ขอบคุณค่ะคุณเย ยังไม่ถือว่าเก่งค่ะ เป็นโอกาสที่ได้รับเพื่อเรียนรู้งานและสะสมประสบการณ์มากกว่า แต่ถ้าถามว่าถนัดงานด้านไหน ตอบ "ไม่รู้ค่ะ ทำได้หมด" 555
ประสบการณ์เยอะดีครับคุณแอน ว่าแต่เราเคยเจอกันที่ไหนอีกหน้า
ต้องลองขุดประวัติพี่ชาติ ไม่แน่เราอาจจะเคยร่วมงานกันที่ไหนสักแห่งแน่นอน 555
ประสบการณ์มากมายหลากหลายมากค่ะคุณแอน ชื่นชมในความสามารถค่ะ 👍👍👍
ขอบคุณมากค่ะคุณโบว์ ต้องขอบคุณโอกาสที่หยิบยื่นมาให้ค่ะ
มีประสบการณ์การทำงานเยอะและหลากหลายมากเลยค่ะ ส่วนตัวขอเลือกงานที่ทำแล้วมีความสุขก็พอค่ะ
แอนได้รับโอกาสนั้นมา จากความสุขที่ได้มีส่วนร่วมทำงานกับเพื่อนๆ พี่ๆ ที่มีวุฒิภาวะที่ดีค่ะ เพราะถ้าเราทำงานด้วยความสุข หัวหน้าก็จะเห็นว่าเราตั้งใจจริงๆ
ถือว่าเพื่อนร่วมงานและหัวหน้าก็มีส่วนในการผลักดันให้เราได้ทำงานอย่างมีความสุขเช่นกันค่ะ
ขอบคุณเรื่องเล่าของน้องแอนค่ะน้องแอนเก่งมาก ประสบการณ์ชีวิตที่ยอดเยี่ยมมาก ชื่นชมค่ะ😚❤👍
มันเยอะไปหมดค่ะพี่อ้อม จนไม่รู้ว่าตัวเองถนัดด้านไหน ไปสัมภาษณ์งานก็จะเจอคำถามตลอด ว่าคุณถนัดอะไร 555 หนูไม่เก่งหรอก แต่หนูสู้งาน หรือถึกประมาณนั้น 555
@mcmonkey ว้าว ประสบการณ์หลากหลายมากเลยจ้า สนุกดีเนาะได้สัมผัสงานหลายๆแบบ แต่ขำเปิดคอม ปริ้นงานไม่ออกเพราะ userลืมเสียบปลั้กเองนี่แหละ 😊
ขอบคุณมากๆ ค่ะที่เข้ามาติดตาม แอนสนุกกับงานทุกรูปแบบเลยค่ะ ต้องขอบคุณผู้ใหญ่ที่ให้ความเมตตาและมอบโอกาสเหล่านั้นให้ค่ะ 😊