สวัสดีครับทุกท่านที่ผ่านเข้ามาอ่านเรื่องราวของผม
วันนี้ผมจะขวนมาดูของใกล้ตัวอย่างหนึ่งครับ มันก็เหรียญ เหรียญธรรมดา ที่เราใช้มันเป็นเครื่องแลกเปลี่ยนสินค้า หรือชำระหนี้ตามกฏหมายละครับ
(รูปจาก http://trawellthailand.com/th/coin-museum/)
ก่อนจะไปต่อผมมีคำถามว่าเหรียญที่ทุกคนมีกี่ด้านครับ
.
.
.
.
.
หลายคนคงตอบว่าสองด้านใช่ไหม ซึ่งก็ถูกต้องแล้วครับ เหรียญนั้นประกอบด้วยด้านสองด้านที่ประกบกันอยู่
แต่จะมีใครรู้ไหมครับว่าเหรียญมีอีกด้านที่สำคัญไม่แพ้ทั้งสองด้านนั้นเลย
.
.
.
คือด้านข้างของเหรียญที่ทำทั้งหน้าที่ในการแยกด้านทั้งสอง และประสานด้านทั้งสองให้อยู่ด้วยกันด้วยนั้นเอง
คงมีคนบอกว่ามันไม่เห็นเกี่ยวกับเหรียญนี้น่า มันก็แค่ส่วนหนึ่งที่ต้องมีเท่านั้นเอง
แต่เรามามองว่าเหรียญนี้มันสังคมของเราดูละครับ เราจะรู้สึกว่าด้านนี้ไม่มีมันไม่ได้นะครับด้านนี้ความเป็นจริงของโลกเรามันคือสิ่งที่เราเรียกว่า เหตุผล กฎหมาย จริยธรรม หลักธรรม หรือ ข้อกำหนดต่างๆ ที่แยกว่าอะไรคือสิ่งที่ดี ไม่ดี อะไรทำได้ ทำไม่ได้ ในชีวิตของคนเรานั้นเอง
(รูปจาก http://www.villalaw.fi/)
มีหลายคนเรียกด้านนี้ว่าเป็นเหมือนเส้นบางๆ ที่กันระหว่างสองสิ่งที่แยกกันอยู่ นั้นก็เลยเป็นเหตุผลที่ว่าเราในตอนนี้นั้นอยู่ในโลกสีเทา ที่ไม่สามารถจะมองได้อย่างชัดเจนว่าอะไรดี ไม่ดี อย่างในอดีตอีกแล้ว
เพราะด้วยสภาพของสังคมที่เหตุผลต่างๆ มีผลจากการกระทำของเราอย่างมากมาย จนเรื่องดี ไม่ดีนั้นไม่ได้เป็นสีขาว หรือ ดำ อย่างสมบูรณ์อีกแล้ว
(รูปจาก http://gogopixlibrary.com/sandi+ford+photography)
ตัวอย่าง แม่คนหนึ่งไม่มีเงิน และความสามารถที่จะเล่นดูเด็กได้ ไม่ว่าจะทางไหนเขาก็ไม่พยายามที่ให้เด็กมีชีวิตอยู่ได้ เขาเลือกที่จะพาเด็กไปอยู่ในสถานพินิจ
มองในมุมของคนอื่น เรามองว่าเป็นแม่ที่ไม่ดีเอาสะเลย ทำไมไม่พยายามที่จะเลี้ยงดูก่อน
ส่วนในมุมของแม่เอง เขาได้พยายามแล้วแต่ไม่สามารถทำได้จริงๆ
การกระทำนี้เลยเป็นสีเทาๆ อยู่ที่ว่าใครจะมองอย่างไงนั้นเอง เหมือนกันในมือของทุกๆ นั้นละครับที่พอหยิบมันขึ้นมาวางก็จะเห็นเพียงด้านเดี่ยว เราก็จะพิจารณาเหรียญนั้นแต่เพียงด้านนี้ จนกว่าเราจะพลิกไปอีกด้าน หรือมองมันในหลายๆ ด้านนั้นเอง
ผมไม่ได้บอกว่าการที่เรามองเพียงด้านเดี่ยวเป็นเรื่องไม่ดี หรืออะไรนะครับ แต่มันเป็นเพียงการที่เราควรจะรับรู้ว่าโลกนี้ไม่ว่าจะเมื่อไรก็ไม่สามารถที่จะตัดสินต่างๆ ได้เพียงการมอง หรือการรับรู้เพียงสิ่งที่เราต้องการรับรู้เท่านั้น
(รูปจาก https://www.gotoknow.org/posts/295593)
ดังคำสอนของทางศาสนาพุทธ ว่าทุกอย่างมีเหตุ และมีผลของมันเสมอ ไม่มีสิ่งที่จะเกิดมาเองได้โดยที่ไม่มีเหตุผล ดังนั้นทุกการกระทำของเราเอง ตัวเราเองนั้นละครับที่รู้ดีกว่าใครว่าผลของการกระทำนั้นจะเป็นอย่างไร
ในส่วนของคนเราที่มองเหตุการณ์ต่างๆ ก็ควรที่จะพิจารณาสิ่งเหล่านั้นอย่างมีสติ ไม่ได้มองมันเพียงด้านเดี่ยว หรือเข้าใจมันตามกระแสของสังคมเท่านั้นครับ
เราลองมามองเหรียญในมือของตนเองดีๆ อีกครั้ง แล้วหันมาโลกใบนี้อย่างที่ควรมองดีกว่า นะครับ จะได้อยู่ในโลกใบนี้ได้อย่างมีสุขมากขึ้น
วันนี้ก็ลาแต่เพียงเท่านี้ครับ แล้วก็ฝากติดตามผลงานของผมด้วยนะครับ
อนาคตจะเพิ่ม Content ใหม่ ใน Blog ให้มากขึ้นนะครับ ฝากด้วยนะครับ
ขอบคุณมากครับ
นายตั้ม
ติดตามคะ🌺🌸💐🌻🌾
ขอบคุณมากครับ
มีเหรียญกี่ด้านไม่รู้ครับ รู้แต่ว่าใช้รูปจากเน็ตโดยไม่ให้ที่มาผิดกฏครับผม ทางที่ดีควรแก้ไขครับ!
ขอบคุณที่บอกนะครับ ผมก็ลืมไปเลยครับ