ช่วงนี้ค่าของ steem dollar ลดลงไปมาก ^^ แต่ก็อย่าไปซีเรียสครับ ^^ หลายๆ คนนี่ตามผมเข้ามาใช้งาน steemit เพราะเห็นผมเบิกเงินออกมาได้เยอะ ยิ่งที่พึ่งสมัครผ่านและเข้ามาโพสต์ใน steemit ก็คาดหวังกับรายได้ที่นี่ไว้สูงพอสมควรเลย ^^ คือช่วงที่ผมเบิกราคามันยังไม่ลดขนาดนี้ครับ ^^ แต่ว่ามันก็มีขึ้นมีลงเหมือนกับเงินบาทหรือเงินยูโรและดอลล่า ที่เราใช้จับจ่ายซื้อของกันนี่แหล่ะครับ ^^ ช่วงนี้ใครอยากจะเบิกออกไปใช้ก็เบิกได้ครับ แต่ถ้ามันน้อยกว่าที่คิดไว้ ก็ไม่ต้องเสียใจหรือน้อยใจครับ ส่วนผม ผมรออีกสักระยะก็แล้วกัน ^^ รอให้พุ่งขึ้นมาก่อน ผมถึงจะเบิก ^^
พอดีว่าวันนี้ นอกจากจะมีน้องๆ ที่สมัครตามผม แล้วก็พึ่งแอพพรูฟเข้ามาใช้งานหลายคนแล้ว ก็ยังมีน้องๆ ในทีมงานถ่ายภาพกับผม สอบถามว่าอยากโพสต์บน steemit ด้วยแต่กลัวจะทำไม่ได้ ผมก็เลยบอกไปว่า "ทำได้ซิ" ^^ น้องๆ ถึงกะร้อง "อู๊ยยยย" แล้วก็บ่นเลยว่า ไอ้คำว่าทำได้ของพี่ก๊งนี่โคตรน่ากลัวเลย ^^
มีน้อยคนนักที่จะรู้ประวัติความเป็นมาของผม ^^ แต่ในทีมงานทุกคนนี่ส่วนใหญ่จะรู้ครับ ^^ นอกจากว่าเขาจะรู้ว่าผมเป็นขี้เหล้าขี้ยาแล้ว เขาก็ยังมองผมเป็นนักดนตรีที่หาคนมาเล่นแทนได้ยาก และก็เป็นช่างภาพและมือกราฟิกที่ไม่เป็นรองใครเท่าไหร่นักด้วย ^^ น้องๆ ในทีมงานหลายๆ คน จึงกลัวกลับคำพูดที่ว่า "ทำได้" ของผมมาก ^^ ถ้าผมบอกว่า "ทำได้" ทุกคนในทีมจะเหนื่อยใจทันทีเลย ^^ ผมเข้าใจว่า เขาคงขี้เกียจกันอ่ะนะ อยากทำงานให้แล้วๆ ไป ^^ สำหรับผมแล้วนี่ งานทำแค่แก้ผ้าเอาหน้ารอดอ่ะ ถ้าไม่จำเป็นจริงๆ ผมจะไม่ทำ เพราะผมจะพยายามรักษาคุณภาพงานของผมไว้เสมอ เพื่อให้ได้งานชิ้นต่อๆ ไป จากลูกค้าหรือเพื่อนลูกค้า ไอ้ประเภททำงานเดียวแล้วไม่เจอหน้ากันเลยเนี่ย น้อยมากที่จะมี อิอิอิอิอิ
ผมเกิดที่อุบลฯ อยู่กะยายมาตั้งแต่เด็กเลย ^^ ผมเป็นลูกคนเดียวของพ่อกับแม่ แต่เป็นพี่ใหญ่ของน้องๆ ทางฝ่ายแม่และฝ่ายพ่อ ^^ ผมมีน้องต่างพ่อสองคน และมีน้องต่างแม่อีกสามคน ^^ ผมอยู่กะยายจนได้อายุ 8 ขวบ ก็ถูกส่งตัวไปอยู่กับน้าอีกคนที่ กทม. ผมไปเรียนที่นั่น ผมกลายเป็นเด็กติดเกมงอมแงมเลย ^^ ผมเข้าบ้านสามสี่ทุ่มทุกวันและก็โดนเข็มขัดจนหลังลายทุกวัน ^^ โดนขนาดนั้น ผมก็ยังไม่เข็ด ก็ยังไปนั่งเฝ้าร้านเกมได้ทุกวันเลย ^^
พออายุ 12 ผมถูกส่งตัวมาอยู่กับน้าอีกคนที่เป็นครูสอนนาฏศิลป์ อยู่เชียงใหม่ ^^ ไปอยู่เกือบตีนดอยอินทนนท์เลย เขาส่งไปให้อยู่ห่างไกลเกมมากๆ เลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ นอกจากจะไกลจากร้านเกมแล้ว ยังไกลบ้านเพื่อนๆ ด้วย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ผมก็เลยแต่กีต้าร์ เบส และ ออร์แกน เป็นเพื่อนสนิทครับ ^^ อยู่นั่นผมมีแต่เล่นกีต้าร์แก้เซ็ง ^^ เซ็งมากเซ็งน้อยก็คิดเอาว่า ตั้งแต่ที่ผมเริ่มจับกีต้าร์ ผมใช้เวลาแค่สี่เดือน ผมก็ได้เป็นมือกีต้าร์ประจำวงโรงเรียน ^^ ก็เวลาว่างมันไม่มีอะไรทำเหมือนเด็กคนอื่นนี่ครับ อยู่แต่ในบ้านพักครู นอกจากอ่านหนังสือ ก็ฝึกเล่นกีต้าร์แค่นั้นเอง ^^ ช่วงมัธยมนี่ ผมเองก็เกือบจะเสียคนครับ เกือบจะเรียนไม่จบด้วยซ้ำ มัวแต่ไปเอาดีทางด้านดนตรีซะมากกว่า มาติดเริ่มติดเหล้าติดยาก็ช่วงนี้แหล่ะครับ ^^
พอผมจบมัธยม ผมถูกส่งตัวกลับมาอยู่อุบลฯ มาอยู่กับน้าที่เปิดอู่ซ่อมรถยนต์ ผมถูกบังคับให้ทำงานซ่อมรถไปด้วยและเรียนไปด้วย ^^ ตอนนั้นผมเรียน อนุปริญญา วิชาเอก ออกแบบพานิชยศิลป์ เรียนเกี่ยวกับเรื่องวาดภาพ ออกแบบโลโก้และผลิตภัณฑ์ การสร้างสื่อโฆษณา (ป้ายโฆษณา) สกรีน ฯลฯ ในตอนนั้น การทำงานด้วยระบบคอมพิวเตอร์ยังไม่แพร่หลาย แถมในสถาบันที่เรียนก็ยังสอนแค่ตระกูลไมโครซอฟเอง(ซึ่งตอนนั้นพวกสายวิชาเอกผมจะไม่ได้เรียนคอมพิวเตอร์) งานเกือบทุกอย่าง ต้องสร้างผลงานขึ้นด้วยมือครับ ^^ ในตอนนั้นผมก็เป็นผู้ช่วยวาดภาพให้รถแห่โฆษณาหนังของโรงหนัง และรับวาดภาพประกอบหนังสือให้อาจารย์ที่จะทำอาจารย์สาม ทำป้าย และซ่อมรถไปด้วยครับ ^^
พอจบอนุฯ ผมก็เรียนต่อสองปีหลัง วิชาเอก ศิลปะศึกษา (สายครู) เกือบเรียนไม่จบครับ เพื่อนๆ เขาเรียนกันแค่สองปี รับปริญญาแล้วก็ไปทำงานกันแล้ว ส่วนผมยังนั่งเรียนต่อกับรุ่นน้องอีกตั้งสองปีแหน่ะครับ ตอนจบนี่ เกรดจบแบบคาบเส้นพอดีเลย 2.08
ผมเรียนจบ ป.ตรี ในปี 44 ซึ่งพอผมเรียนจบออกมานี่ ผมรีบเดินทางเข้าเมืองหลวงมาหางานทำเลย ^^ แต่มันไม่ได้เป็นอย่างที่วาดฝันไว้แม้แต่นิดเดียวครับ ^^ อาชีพแรกหลังจากเรียนจบปริญญาตรีของผมคือ เด็กเสิร์ฟครับ ^^ ไอ้ที่เรียนนี่ เอาไปใช้สมัครงานในบริษัทไม่ได้เลย นอกจากจะเอาไปสมัครสอบบรรจุเป็นครู ^^
ผมเป็นเด็กเสิร์ฟนี่ โคตรลำบากกว่าเด็กเสิร์ฟทั่วไปถึงสองเท่าเลยละ ด้วยการที่น้าผมเป็นช่างเสริมสวยให้กับเด็กนั่งดริ้งค์ในร้านที่ผมเป็นเด็กเสิร์ฟ น้าผมโฆษณาไว้เยอะ จนในที่สุดความซวยก็มาเยือนผมโดยไม่คาดหมายเลย ^^ ผมต้องทำงานเป็นช่างศิลป์ตกแต่งร้านและเป็นเด็กเสิร์ฟไปด้วย แต่ว่าเงินเดือนผมได้แค่ในส่วนของเด็กเสิร์ฟเท่านั้นครับ ^^
ผมเป็นเด็กเสิร์ฟได้ประมาณเจ็ดเดือน ผมก็เปลี่ยนงาน ^^ พอดีว่ามีอาร์ทไดเร็กเตอร์มากินเหล้าที่ร้านแล้วก็ชวนผมไปทำงานเป็นเด็กพร็อพฉากหนังครับ ^^ ก็เคยฝากฝีไม้ลายมือไว้ในหนังอยู่สองเรื่องอ่ะครับ แต่ไม่ได้อยู่ทำจนจบเรื่อง ก็มีอันต้องเปลี่ยนงานอีก ^^ คือว่าหนังมันพักกองบ่อย บ่อยจนเงินไม่พอใช้ ก็เลยไปสมัครงานบริษัทอีกครั้งครับ ^^ โคจรมาเจอกับคู่อริในสมัยมัธยมก็ที่นี่แหล่ะครับ ^^ ผมมาอยู่นี่ ถือว่าผมโชคดีมากเลย ผมได้งานเพราะลูกพี่ที่บริษัทนี้ขี้เกียจ แกขี้เกียจมาก ชอบโยนแต่งานให้ลูกน้องทำส่วนแกไม่ทำ นอกจากสั่งอย่างเดียว จนลูกน้องเก่าๆ ลาออก ^^ ที่ว่าโชคดีเพราะความขี้เกียจของแกนั้นอ่ะ คือแกขี้เกียจจนต้องโยนหน้าที่ทำกราฟิกมาให้ผมทำด้วย ^^ ผมบอกแกว่าผมใช้คอมฯ ไม่เป็น ไม่เคยจับเลย ^^ แกก็เลยไปซื้อหนังสือสอน PhotoShop Iและ Illustrator มาให้ผม แล้วก็บังคับให้ผมทำ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
แต่ผมก็ต้องลาออกจากงานที่บริษัทนี้ เพราะผมป่วยเป็นตับอักเสบ ^^ ช่วงนั้นเป็นช่วงหาเงิน ว่าจะแต่งเมีย ผมทั้งทำงานกลางวันเป็นช่างศิลป์และเล่นดนตรีกลางคืน ^^ ช่วงนั้นติดเหล้าหนักมาก ^^ จนผมป่วยและต้องลาออกกลับมาอยู่บ้าน เมียก็ไม่ได้แต่งครับ เขาไปแต่งกับคนอื่น ^^ ไม่รู้เขาไปคบกันตอนใหน ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
ช่วงผมกลับมาอยู่บ้าน ผมก็เป็นช่างซ่อมรถ และก็กลับมารับวาดรูปประกอบหนังสือให้อาจารย์เหมือนเดิม แต่คราวนี้พัฒนาขึ้นครับ วาดด้วยโปรแกรมคอมพิวเตอร์ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ ^^ แล้วก็ในตอนนั้นผมกลับมาเป็นผู้ใหญ่ติดเกมอีกครั้ง ผมว่างผมก็จะนั่งเล่นเกม ตอนนั้นแร็กนาร็อค ยังมีแค่เซิฟเวอร์เกาหลี ยังไม่ดังเท่าไหร่ แต่ผมก็ติดแล้วครับ อิอิอิอิ ^^
ผมเล่นเกมต่างๆ มากมาย จนผมรู้สึกเบื่อ เบื่อตรงที่แต่ละเกม มันก็มีแต่เนื้อเรื่องเดิมๆ ของเกมมันนั่นแหล่ะ ^^ จนในที่สุด ผมก็มีความคิดแว็บเข้ามาในหัวว่า "ทำไมกูไม่สร้างเกมเองว่ะ" ความคิดมันแค่แล่นเข้ามาแว็บเดียวครับ แว็บเดียวแค่นั้นแหล่ะ ผมนี่รีบเปิดกูเกิ้ลหาข้อมูลเกี่ยวกับโปรแกรมสร้างเกมทันทีเลย ^^ และแล้วผมก็มาศึกษาโปรแกรม Macromedia Flash เอาเองครับ การเขียนคำสั่งแอคชั่นสคริป มันเป็นอะไรที่ยากมากเลย ^^ ผมใช้เวลาศึกษาเอาเองอยู่นานมากๆ จนผมก็สร้างเกม 2D ขึ้นมาได้เกมนึง แต่สร้างได้แค่ฉากเดียวครับ เพราะเขียนเป็นร้อยฉากนี่ เครื่องคอมฯ มันรับไม่ได้ครับ มันจะแฮ็งค์ก่อน ^^
กิเลสเกี่ยวกับการสร้างเกมของผม มันไม่ได้หยุดอยู่แค่นั้นอ่ะซิ ผมสงสัยมากเลยว่าทำไมคอมฯ ถึงแฮ็งค์บ่อยๆ เอาไปลงวินโดว์ใหม่กับช่างบ่อยมาก เอาไปลงทีนึงก็รอเกือบอาทิตย์แถมช่างก็อธิบายไม่ได้ละเอียดมากนัก ว่าสาเหตุที่คอมฯ แฮ็งค์มันเป็นกะอะไร ^^ ด้วยความที่รำคาญช่าง ผมเปิดกูเกิ้ลศึกษาเรื่องคอมพิวเตอร์เองเลย ^^ ผมทำคอมฯ พังไปสองตัว ผมถึงซ่อมและประกอบคอมฯ เองได้
ทีนี้เมื่อรู้แล้วว่าอะไรตัวใหนที่ประกอบคอมฯ ออกมาให้มันทำงานแมทกับโปรแกรมได้ ผมก็กลับมาศึกษาเพื่อจะสร้างเกมอีกครั้ง แต่รอบนี้ผมดันอยากสร้างเกม 3D ^^ ผมศึกษาพวกโปรแกรม 3D , Maya , AutoCad ด้วยตัวเองครับ ^^ เอาเงินมาประกอบคอมหมด ไม่มีตังค์ไปเรียนครับ เลยต้องศึกษาเองผ่านกูเกิ้ล ^^ อ้อ ช่วงเรียนเองจากกูเกิ้ลนี่ลำบากมากครับ ต้องถือดิกชินนารี่ไว้ตลอดเลย ^^ ตอนนั้นผมศึกษาโปรแกรม Cakewalk Sonar ไปด้วย เพราะมันต้องใช้ในการทำดนตรีประกอบเกม ^^
ผมใช้เวลาไปกับการสร้างเกม 3D อยู่ปีกว่าๆ แต่สุดท้ายผมทำไม่ได้ครับ เพราะภาษาแอกชั่นสคริปมันซับซ้อนมาก จนผมเขียนให้มันแสดงผลตามที่ต้องการไม่ได้ และแล้วผมก็หยุดเลยผมไม่ไปต่อกับการสร้างเกม 3D แล้ว ^^ ผมหันมาแต่งเพลงและเขียนกราฟิกเล่นๆ ครับ ^^
จนเมื่อปี 47 หรือ 48 นี่แหล่ะ น้าผมที่เป็นครูอยู่เชียงใหม่ ย้ายกลับมาอยู่ที่อุบลฯ น้าผมจะทำอาจารย์สาม ^^ แกเป็นแค่ครูนาฏศิลป์ แต่ถ้าแกจะทำผลงานวิชาการ แกต้องทำผลงานวิชาการของศิลปะและดนตรีด้วยครับ ^^ แกใช้ความรู้ที่ผมมีซะคุ้มเลย ^^ ผมต้องไปเป็นครูอัตราจ้างกับแก ให้แกศึกษาจากผมเพื่อเขียนผลงานและผมก็ต้องทดลองแผนการสอนที่แกเขียนด้วย ^^ เท่านั้นยังไม่พอ ผมต้องทำเว็บไซต์ และเว็บแห้ง อีบุ๊ค สื่อการสอนมัลติมีเดีย ให้แกด้วย ^^ ในช่วงนั้น น้าผมเป็นครูที่มีนวัตกรรมที่สูงกว่าครูในแถบเดียวกันครับ ^^
แถมตอนนั้นน้าคนที่ทำอู่ซ่อมรถแกสั่งจักปักรคอมฯ มาให้แฟนแก(น้าสะไภ้ผมนี่แหล่ะ) ^^ ผมโดนบังคับให้เรียนรู้การใช้งานจากคนขายด้วยครับ ^^ คนขายนี่ยิ้มแก้มปริเลย เขาบอกว่าตั้งแต่ขายจักรมา ก็มีที่ขายให้น้าผมนี่แหล่ะ ง่ายที่สุดเลย ^^ ผมใช้เวลาในการเรียนรู้วิธีสร้างลายปักด้วยโปรแกรม Wilcom จากเขาเพียงแค่สองวันเอง และด้วยความที่เป็นช่างซ่อมรถมาก่อน ผมเรียนรู้วิธีตั้งค่าเครื่องจักรกับเขาแค่แป็บเดียวเอง ^^
ตอนนั้นผมเลิกเป็นครูอัตราจ้างแล้วนะ ^^ ผมกลับมาเล่นดนตรี และผมก็ทำงานช่วยน้าผม ทั้งปักจักรให้น้าอีกคน และช่วยทำซี 9 ให้น้าอีกคนด้วย ^^ จนแกกำลังจะได้ ซี 9 แต่โชคไม่ดีเสียก่อน เมื่อปี 55 แกเสียชีวิตด้วยมะเร็งปากมดลูกไปก่อนที่เขาจะประกาศแต่งตั้งให้แกเป็น ซี 9 ครับ
พอน้าเสียไปแล้ว ผมก็เลยเล่นดนตรี ปักผ้า ทำป้าย ออกแบบกราฟิก และเป็นนักจัดรายการวิทยุของคลื่นชุมชนด้วย จนกระทั่งผมมีเงินพอซื้อกล้อง DSLR นี่แหล่ะ ผมก็เลยหันมาเป็นช่างภาพ ^^
ปัจจุบันนี้ ผมใช้งานพวกโปรแกรมกราฟิกและทำเพลง เป็นเกือบทุกโปรแกรมและเกือบทุกเวอร์ชั่นครับ ^^ แต่ผมมีรายได้หลักจากการถ่ายภาพ (ทำกราฟิก ถ่ายวีดีโอและทำซีจี เขียนแปลนด้วยโปรแกรมและทำภาพ 3D และอัดสปอตโฆษณา พวกนี้เป็นรายได้เสริม เสริมมากๆ เลย เพราะนานๆ มีที ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆ) บางทีก็โดนลากให้ไปช่วยซ่อมรถ ปักผ้า และก็สารพัดช่างที่เกี่ยวกับการตกแต่งต่อเติมร้านและกิจการของญาติพี่น้องผม ^^
ประวัติความเป็นมาของผมเป็นแบบนี้ น้องๆ ในทีมงานผมหลายคนจะรู้ เขาก็เลยค่อนข้างกลัวกับคำว่า "ทำได้" ของผมมากๆ เลย ^^ คือถ้ามีน้องในทีมบ่นขึ้นมาว่า "โอ้ยพี่มันทำไม่ได้หรอก" หรือ "ผมทำไม่ได้หรอก" ผมจะสวนกลับไปเลยว่า "ถ้าขี้เกียจก็ไปพักซะ เดี๋ยวพี่จัดการเอง" ^^ แต่ถ้าเมื่อไหร่ผมพูดว่า "มันทำไม่ได้หรอก" ทุกคนในทีมก็จะโล่งอกเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ คือที่ทำไม่ได้เนี่ย อาจจะเป็นเพราะเวลาที่จำกัดกับทุนทรัพย์ที่กำจัด มันก็เลย "ทำไม่ได้" อิอิอิอิ
ก็กล่าวประวัติคร่าวๆ ให้ได้รับทราบแล้ว ^^ ใครจะทอดผ้ามหาบังสกุลกับวางดอกไม้จัน ก็อย่าพึ่งนะครับ ยังไม่ถึเวลาของผมนะครับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
เก่งมากพี่ชาย
จ้าาาาาาาาาาาาาาา
ชีวิตคุณก๊งนี้หลากหลายรสชาติและหลายอาชีพจริงๆ เกิดมาคุ้มค่า ได้ทำหลายๆ อย่าง เรื่องทำได้ทำไม่ได้นี้นานาจิตตังเลยค่ะ วิจะคอยให้กำลังใจคนที่เค้าพร้อมที่จะทำ แต่ถ้าคนที่เค้าไม่อยากวิจะเฉยๆ ค่ะ เพราะยิ่งเราพูดเยอะ พูดมาก เค้าจะพาลเบื่อเราปล่าวๆ เหมือนวิชวนใครเล่นถ้าตั้งใจวิก็สนับสนุนคอยช่วยกัน บางคนสมัครไม่เล่นไม่เขียนวิก็เฉยๆ หรือคนที่ไม่สมัครถึงจะรู้ว่าน่าจะได้เงิน วิก็ไม่บังคับ การใช้ชีวิต มุมมองความคิดคนมันแตกต่างกันค่ะ ไม่มีถูกผิด ที่ชอบบอกทำไม่ได้มีเยอะค่ะไม่ต้องเรื่อง steemitหรอกค่ะ เรื่องใช้ชีวิตทั่วไปก็เห็นกันเยอะ เราโฟกัสกับตัวเรากับคนที่เค้าเชื่อและทำตามเราจะดีกว่า นี้คือมุมมองของวิ จะได้ไม่เครียดและคาดหวังเกิน ใช้โพสคุณก๊งในการบ่นเลยนะค่ะ 5555 ตอนนี้เงินลงวิก็คิดว่ามันเรื่องปกตินะค่ะ น้ำขึ้นน้ำลง เหมือนราคาเงินบาทกับเงินต่างประเทศ ถ้ามาคิดว่าเขียนแล้วได้เงินน้อย ไม่ดึงดูด เราก็ต้องปล่อยเค้าไปค่ะ เราอยู่ยั่งยืนยงนี้สำคัญที่สุด ☺️😊😉
บ่นได้ไม่ว่ากันครับคุณวิ คิดว่าแลกเปลี่ยนแนวคิดกันครับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
คือกับคนอื่นๆ ที่ไม่ใช่ตัวผม ผมก็ให้เท่าที่เขาอยากได้ และก็เท่าที่ผมมีอ่ะครับ ^^ นอกนั้นก็แล้วแต่เขาเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
อ่านเพลินดี😀ขอบคุณที่แชร์ประสบการณ์ค่ะ
ขอบคุณครับผม ^^
ชีวิตมีสีสันที่แท้ทรู ทำหลายๆอย่างก็จะรู้หลายๆศาสตร์ :)
รู้มากๆ ก็แย่นะ หมายถึงถ้าคนอื่นรู้เกี่ยวกัยเรามากๆ นี่เราแย่เลย เขาจะใช้เราทำทั้งหมดเลย ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ
นี่แหละ คุ้มค่าในการใช้ชีวิต ใช้ให้คุ้มครับ ทำทุกอย่างที่อยากทำ
ว้าาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา ผมอยากทำลูก แต่ยังไม่ได้ทำเลย อิอิอิอิ
ประวัติดีมากๆค่ะการทำงานประสบการณ์เพดานบินสูง สุดยอดเลยค่ะท่านอาจารย์พี่ก๊ง^^
นี่แหล่ะจ้าคนความรู้ท่วมหัวเอาตัวไม่รอด ฮ่าๆๆๆๆๆๆ
เป็นกำลังใจให้ค่ะ แต่ละคนก็แต่ละเรื่องราวไปเนอะ
ตอนนี้ไม่ซีเรียสอะไรอ่ะครับ ^^ เลยเอามาแบ่งปันสู่กันครับผม ^^
ประวัติชีวิตสุดยอดเลยครับ อ่านซะเพลินเลย ^_^
ขอบคุณครับ จริงๆ แล้ว พอผ่านมาจนถึงตอนนี้ได้ ผมเองก็งงๆ เหมือนกันครับว่า ผ่านมาได้ยังไง ^^
แล้วก๊งคนใหนในรูปข้างบน....สุดยอดของคนเลย 555 .....เบาๆดื่มเหล้าบ้างก็ดีเน้อ จะได้อ่านเรื่องราวบน steemit นานๆๆ :-D
ใส่แว่นดำครับ อิอิ เดี๋ยวนี้ไม่ค่อยดื่มแล้วพี่ ^^
เข้ามากรี๊สสสส 🤣 วิวัฒนาล้ำเลิศมากค่ะพี่ก๊ง
หมายถึงความสามารถนะ 555+
มันวิวัฒนาการได้ถอยหลังสุดๆ ฮ่าๆๆๆๆๆๆ ทุกวันนี้เป็นมนุษย์นีอันเดอทอลแล้วครับ ฮ่าๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆๆ