ตอนเด็กชายหนุ่มเข้าเมืองก้าวย่างเป็นนายหนุ่ม
จากตอนที่2-3 หลังจากเรียนจบโรงเรียนวัดข้างบ้าน ก็เริ่มเดินทางก้าวย่างสู่ในเมือง ไปสอบแข่งขันเข้าโรงเรียนประจำจังหวัดสงขลาซึ่งมีอายุมากอันดับหนึ่ง ของภาคใต้มั้ง ตอนที่ผมเข้าเรียน ม.1 รร.ก็อายุ 86 ปีแล้ว การสอบแข่งขันเป็นการสอบพร้อมกันหมดมีคนมาสมัครเยอะมากๆ เด็กบ้านนอกเข้าเมือง ก็ต้องไปอยู่กับพี่สาวคนที่ 3 (พี่เอียด.....ซึ่งเป็นพี่สาวคนเดียวที่จากพี่ๆน้องๆไปเมื่อเดือนกรกฎาคม2560...) ซึ่งเป็นบ้านเช่าของคุณตา-ยาย (พี่ชายและพี่สะใภ้ของยายแท้ๆ)
ในการปรับตัวออกจากบ้านมาอยู่ในเมือง ต้องมานั่งอ่านหนังสือเตรียมสอบก่อนเป็นเดือนๆเพราะถ้าสอบไม่ได้ก็ต้องกลับบ้านเกิดไปเรียนโรงเรียนประจำอำเภอแทน และเสียชื่อค่าย เพราะพี่ๆหลายคนได้สอบเข้าได้มาแล้วทั้งนั้น มันทั้งตื่นเต้น สนุก กับการอยู่ที่ใหม่ๆ ทั้งลุ้นเล็กๆ (เพราะแอบคิดว่าตัวเองเก่งน่าจะสอบผ่านได้)สรุปง่ายๆว่าสอบได้ครับ เข้าเรียน ห้อง 1/7 เลขที่ 19111 เป็นเลขที่ 1 ของห้อง คะแนน 139 คะแนน มากที่สุดในห้อง (เกือบได้ห้องคิง..คะแนนคนสุดท้ายห้องคิง =140) ที่จำได้แม่นเพราะมันนิดเดียวจริงๆครับ และการได้ห้องคิงสมัยนั้นมันเท่ห์นะครับ เหมือนเด็กๆโครงการฯสมัยนี้นะครับ
แต่นั่นแหละ ด้วยภาวะที่ครอบครัวมีลูกมากแล้ว จากบ้านนอกมาเข้าเมือง มันเหมือนเด็กเชยๆ ต้องใช้กางเกงพี่ เสื้อพี่ กระเป๋าพี่ไปโรงเรียน ของเพื่อนๆเค้ามีของใหม่ แต่ก็มีเพื่อนๆต่างอำเภอมาเรียนรวมๆก็หลายคน ทำให้ค่อยๆปรับตัวได้ และทาง รร.สมัยนั้นยังเป็นนักเรียนชายล้วนในชั้น ม.ต้น การปรับตัวเข้ากับเพื่อนๆก็ไม่ยากมากนัก มีการเดินมาโรงเรียน ขี่รถจักรยาน และรถตุ๊กๆ รถ 2 แถว (สมัยนั้นไม่อนุญาต ให้เด็กขี่มอเตอร์ไซค์ได้นะครับ ต้องอายุเกิน 18 ปี จึงจะสอบใบขับขี่ได้นะครับ)มีการเอาข้าวห่อมากินรวมกับเพื่อนๆที่ รร.มื้อเที่ยงด้วย ซึ่งทำเป็นประจำในสมัยเรียนม.ต้น
กาลเวลามันผ่านไปรวดเร็วเผลอแป๊บเดียว เรียนจบม.ต้นแล้ว เวลาในแต่ละวันมันก็ยังเท่าเดิม 24 ชม.แต่ความทรงจำเราซิ มันมีเยอะจนเอาเรียงต่อๆกันยากมาก ยิ่งเอามาเขียนด้วยแล้ว มันอธิบายได้ไม่ละเอียด แต่ต้องมาเจอเพื่อนๆพร้อมกันหลายๆคนแล้วเรื่องราวมันค่อยๆแสดงออกมาอย่างสนุกสนาน จนวันหนึ่ง เด็กชายหนุ่มขี้อายค่อยๆเติบโตเป็นนายหนุ่ม (ตอนจบ ม.3แล้ว ยังจำวันที่ไปทำบัตรประชาชนครั้งแรก ต้องอายุครบ 15 ปีบริบูรณ์ ทำบัตรแล้ว ยังต้องใช้ใบเหลืองแทนชั่วคราว แต่ก็ไม่มีผลอะไรมาก เพราะตอนนั้นก็ไม่ค่อยใช้บัตร ทำอะไรมากนัก ) เส้นทางต่อไปมันต้องเลือกว่าเรียนต่อ ม.ปลาย หรือเรียนสายอาชีพ แล้วจะเรียนอาชีพอะไรดีละ ค่อยมาติดตามตอนต่อไปนะครับ
ด้วยปัจจุบันนี้ผมได้พาชีวิตเดินทางมาไกลจากช่วงนั้นมากแล้ว เพื่อจะเดินทางก้าวต่อไป การเดินทางของชีวิตมันไปได้แค่ช่วงตอนนี้ บัดนี้ เวลานี้เท่านั้น วันพรุ่งนี้ไม่เคยมาถึง ทั้งๆที่อยู่ใกล้แค่เอื้อม จะไปเจอ...อ้าวเป็นพรุ่งนี้อีกแล้ว ส่วนอดีตเล่า...มันก็แค่ห้วงคำนึง เมื่อวานนี้ทำอะไรไป ก็ย้อนกลับไปแก้ไขไม่ได้ แต่กับการตัดสินใจ เล่าเรื่องราว อดีตหนุ่มลีลา เดินทางใช้ชีวิตในปัจจุบัน นั่งพิมพ์บทความใน Steemit ก็เป็นความสุขเล็กๆอย่างนึงในปัจจบัน ฝากช่วยติดตาม คอมเม้นท์ บอกกล่าว เพราะโลกปัจจุบันมันเลี่ยนไปมาก จากวันนั้นที่เป็นเด็กชายหนุ่ม เปลี่ยนไปมากจริงๆครับ
หาดลีลาบีชยามเย็น สวยเสมอทุกๆวัน เพื่อนๆที่มาเกาะพะงันมาเที่ยวได้นะครับ
หนุ่มลีลาเมื่อล่าสุดตอนปีใหม่ กับลูกชายคนโตของเค้าน้องฮาว(ห้าวหาญ)
หนุ่มลีลา🙏🙏🙏🙏
เขียนได้ดีเลยครับ เหมือนได้จิบฟองนุ่ม ๆ มองไปในแสง white balance สีออกส้ม ๆ อำพัน ๆ :)
ครับ กำลังหัดเขียนครับตั้งใจจะเขียนให้ได้ วันละครั้ง ฝากมาติดตามกันนะครับ
สวัสดีค่ะ พี่หนุ่ม,
ลีลาการเขียนของพี่นี้สุดยอดจริงๆ พริ้วลื่นอ่านง่ายไม่สะดุดเลยค่ะ