รอดไหมรักนี้…มีแฟนต่างชาติ

in #thai7 years ago (edited)

Yellow to White and Everything in Between
รอดไหมรักนี้…มีแฟนต่างชาติ

สมัยนี้มองไปทางไหนมักได้ยินสาวไทยบ่นอยากมีแฟนเป็นหนุ่มชาวต่างชาติกันมากขึ้น หรือที่มีควงคู่เกี่ยวแขนอยู่แล้วก็ไม่น้อย ไม่รู้ว่าเพราะชายไทยไร้มาตรฐานหรืออย่างไร และมีหลายคู่เช่นกันที่ได้แต่งงานกันหวานชื่นแต่บางคู่ก็น้ำตาเช็ดหัวเข่า หาแฟนต่างชาติว่ายากแล้วจะคบกันอย่างไรให้รอดนั้นสิยากกว่า ยกตัวอย่างเช่นผลการสำรวจของ Los Angeles Times พบว่าหนุ่มอเมริกันคบกับสาวต่างเชื้อชาติมากขึ้นสองเท่าในปี 2012 เมื่อเทียบกับปี 2000 แต่มีเพียง 4% เท่านั้นที่ได้แต่งงานกัน สำหรับสาวๆที่คิดอยากจะมีแฟนเป็นชาวต่างชาติหรือมีอยู่แล้วแต่กำลังคิดว่าประคับประคองยากเหลือเกิน ลองดูแนวทางที่เราแนะนำเผื่อจะมีโอกาสได้ผลิตลูกครึ่งน่ารักๆมาประดับวงการในอีก 20 ปีข้างหน้า

B Comes Before V
ใช้สมองอย่าใช้แค่เซ็กซ์
นอกจากจะต้องสื่อสารกันให้รู้เรื่องแล้ว สมองและความคิดอ่านก็เป็นเรื่องสำคัญ การจะทำให้หนุ่มต่างชาติหันมาให้ความสำคัญกับเราไม่เฉพาะแค่เรื่องบนเตียงเพียงอย่างเดียว หรือไม่ใช่แค่ว่าวันนี้จะไปช้อปปิ้งที่ไหน หรือจะซื้อเสื้อผ้าคอลเล็กชั่นใหม่ของดีไซเนอร์คนไหนดี หากแต่สิ่งที่จะดึงดูดความสนใจของหนุ่มๆเหล่านี้ควรจะเป็นเรื่องที่ลึกซึ้งกว่านั้น เช่น ทัศนคติทางการเมือง การท่องเที่ยว ปรัชญา ศิลปะ นักร้อง นักดนตรี หรือทีมกีฬาที่ชอบ เป็นต้น หันมาดูโทรทัศน์ช่องสารคดีหรือความรู้รอบตัวบ้างไม่ใช่ดูแต่ช่องเพลงกับแฟชั่น ควรหาประเด็นมาถกกับเขาให้ได้ หาหนังสือดีๆที่ประเทืองปัญญามาอ่านอย่าอ่านแค่ Fifty Shades of Grey แล้วจินตนาการว่าฉันจะมีสามีแบบพระเอกในเรื่อง ส่วนหนังก็ควรจะหาหนังดีๆมีสาระมาดูเช่นกันไม่ใช่ดูแต่ Vampire Twilight ลองเปลี่ยนไปดูหนังแวมไพร์แบบ Let the Right One In บ้างจะได้เข้าใจมุมมองทางสังคม พัฒนาการของวัยรุ่น และบาดแผลของวัยเยาว์ (ฟังดูลึกซึ้งและมีสมองกว่ามั้ย) รับรองว่าถ้าเรามีสมองและสามารถถกประเด็นกับเขาได้ทุกเรื่อง เขาจะเคารพในความเป็นเรามากเลยทีเดียว สวยด้วย ซ่าด้วย เซ็กซี่ขี้เล่น แถมมีสมองอีก ไม่หลงก็บ้าแล้ว เพราะจากผลการวิจัยของ Dr. Arrthur Aron จากมหาวิทยาลัย Stoney Brook แห่งกรุงนิวยอร์ก เขาพิสูจน์ออกมาแล้วว่าการที่คู่รักจะอยู่ด้วยกันได้ยาวนานนั้นขึ้นอยู่กับการสร้างความสัมพันธ์แบบแนบชิดในช่วงแรกที่ไม่ได้อาศัยเพียงแค่เซ็กซ์อย่างเดียว

Date Me, Free Breakfast (Lunch and Dinner Also)
เสน่ห์ปลายจวักใครๆก็รักแทบตาย
ผู้หญิงสมัยนี้มักจะทำกับข้าวไม่ค่อยเป็น จากผลการศึกษาของ The Good Food Channel ที่อังกฤษได้ศึกษากลุ่มชายหนุ่มและหญิงสาวสองพันคน พบว่ามีผู้หญิงเพียงหนึ่งในหกเท่านั้นที่ทำกับข้าวได้ แม้ว่าหนุ่มต่างชาติส่วนใหญ่จะเติบโตมาโดยไม่มีคนคอยประคบประหงม ไม่มีแม่บ้านหรือพี่เลี้ยง และถ้าอยากจะดูแลเขาแบบลึกซึ้งเราก็ควรมีเสน่ห์ปลายจวักติดตัวบ้าง ทั้งนี้ไม่ได้หมายความว่าให้ถึงขั้นนั่งพับเพียบแกะสลักมันฝรั่งเป็นดอกกุหลาบจัดจานสวยงาม หรือให้ละทิ้งความเป็นสาวเก๋ชอบดื่มไวน์ยามค่ำคืนแล้วกลายมาเป็นเจ๊หัวฟู หน้ามัน เล็บถลอกอยู่หน้าเตา แต่เชื่อเถอะว่าเสน่ห์ปลายจวักทำให้เราเป็นคนน่ารักไปโดยปริยาย แม้จะจิบไวน์ไปด้วย คีบบุหรี่ไปด้วย และอีกมือจะเจียวหอมใหญ่เตรียมทำซอสสปาเกตตีก็ยังดูสวยแบบร้ายๆ แถมน่ารักน่าค้นหาในเวลาเดียวกัน ดูดีกว่าภาพจิบไวน์ คีบบุหรี่เฉยๆเป็นไหนๆ แล้วถ้าทำไม่เป็นก็อย่าเพิ่งตกใจไปลองใช้เทคโนโลยีให้เป็นประโยชน์ เปิดเว็บไซต์พันทิปห้องก้นครัวหรือยูทูบดูวิธีการทำอาหารแบบง่ายๆที่ไม่เสี่ยงกับหน้ามันหมดสวย เช่น เพนเน่ผัดพริกกระเทียม สปาเกตตีซอสเนื้อ แกงจืดเต้าหู้ ต้มยำกุ้ง แกงเขียวหวานไก่ แล้วค่อยๆพัฒนาไปเป็นเมนูที่ยากขึ้น แถมถ้ามีเวลาทำอาหารด้วยกันก็จะยิ่งกระชับความสัมพันธ์ให้แน่นแฟ้นขึ้นไปอีก ดูอย่างคู่ของจัสติน ทิมเบอร์เลคกับเจสสิก้า บีลเป็นตัวอย่าง พ่อหนุ่มชอบทำขนมส่วนสาวเจ้าชอบทำอาหารคาว รักกันน่าอิจฉามั้ยล่ะคู่นี้ หรือจะเถียง?

Caring Level - EXPERT
จริตแบบไทยยังไงก็น่ารัก
ไม่ได้บอกให้สาวๆต้องแอ๊บแบ๊วเท้าคางทำแก้มป่องอัพรูปลงไอจีตลอดเวลา หรือพูดจาเสียงง้องแง้งเหมือนเด็กที่ยังไม่ถอดเหล็กดัดฟัน แต่จะดีกว่ามั้ยถ้ารู้จักแสดงจริตและมารยาทความเป็นไทยเล็กๆน้อยๆลงไป เช่น รู้จักเกรงใจ หากจะไหว้วานเขาให้ช่วยอะไรก็ควรใช้คำพูดที่ฟังแล้วระรื่นหู รู้จักพูดคำว่าขอบคุณเป็นการลงท้าย นอกจากนี้คำว่าขอโทษก็สำคัญไม่แพ้คำอื่นเช่นกัน ส่วนเรื่องความขี้อ้อนสาวๆก็ไม่ควรมองข้าม ต้องรู้จักอ้อน รู้จักซบ รู้จักใช้สัมผัสทางกายให้ถูกจังหวะและกาลเทศะ และขอบอกเลยว่าสิ่งที่จะมัดใจหนุ่มตาน้ำข้าวได้ดีที่สุดคือยิ้มสยาม จะทำอะไรให้ยิ้มไว้ก่อน ฟังไม่เข้าใจก็ยิ้ม เวลาพูดคำว่าขอบคุณหรือขอโทษก็ให้ยิ้มไปด้วย เรื่องรอยยิ้มรับรองว่ามัดใจหนุ่มๆได้ทุกชาติทุกภาษาอย่างแน่นอน ดูอย่างพ่อหนุ่มเทพเจ้าสายฟ้าอย่างคริส เฮมส์เวิร์ธยังชมภรรยาสาวและจูบโชว์บนพรมแดงให้คนอิจฉากันทั้งโลกว่า ‘เมียผมยิ้มหวานสุดๆ อยู่ด้วยแล้วสบายใจหาใดเปรียบ’ ไม่เพียงเท่านั้นจริตสาวไทยที่สำคัญอีกอย่างคือเรื่องรู้จักใช้คำหวาน เรามั่นใจว่าฝรั่งก็เป็นชาติที่หลงตัวเองไม่แพ้ผู้ชายไทย (พูดง่ายๆคือบ้ายอ) ไม่ว่าเขาจะแข่งกีฬาชนะหรือได้เลื่อนตำแหน่งก็ขอให้ชมเข้าไว้ว่าเก่งมาก เจ๋งมาก เก่งที่สุด และไม้ตายสุดท้ายของจริตหญิงไทยที่หญิงชาติไหนก็ทำได้ไม่เท่านั่นคือทักษะการนวด ไม่ว่าจะนวดก่อนนอนหรือนวดศีรษะเวลาสระผมให้เขา หัดนวดให้เป็นรับรองว่าเขาจะอึ้งทึ่งและไปไหนไม่รอด ยังไงก็ต้องคิดถึงฝีมือการนวดและกลับมาตายรังทุกครั้งไป

Talk, Don’t Walk Away
ปากนั้นสำคัญไฉน
จากผลการวิจัยของ Jonathan Pettigrew ในบทความวิชาการชื่อ “Marriage & Family” ที่ตีพิมพ์เมื่อปี 2009 พบว่าการสื่อสารและพูดจากันให้ตรงจุดนั้นสำคัญต่อคู่รักมาก และสาวไทยยิ่งเป็นประเภทชอบอมพะนำ ไม่พอใจอะไรก็ไม่พูด แนะนำว่านิสัยนี้ควรจะเลิกเสียให้เด็ดขาด ถ้าไม่ชอบหรือไม่พอใจอะไรให้บอกเขาไปตรงๆ แต่ต้องบอกอย่างมีชั้นเชิง พูดด้วยน้ำเสียงที่เป็นปกติ อย่าตะโกนใส่เขา งดใช้อารมณ์ เพราะหนุ่มต่างชาติจะไม่เข้าใจคำว่า ‘งอน’ และนิสัย ‘ขี้งอน’ นั้นหญิงไทยคงเป็นชาติเดียวที่งอนเก่งที่สุด สาวไทยบางคนทะเลาะกับแฟนต่างชาติ แล้วงอนหนีเข้าไปในห้องน้ำหวังจะให้แฟนหนุ่มตามมาเคาะประตูห้องน้ำเพื่อง้อ นั่งไปเกือบครึ่งชั่วโมงพ่อหนุ่มมาเคาะประตูตามที่เธอคาดหวังไว้ก็จริงแต่ถามเธอว่า “นั่งมืดๆทำไมในห้องน้ำ ทำไมไม่เปิดไฟ” ทำเอาสาวไทยถึงกับไปต่อไม่ถูกต้องเลิกงอนแล้วอธิบายสาเหตุให้ฟังเดี๋ยวนั้น จงจำไว้ว่าความสัมพันธ์จะราบรื่นได้ต้องมีการสื่อสารให้ตรงจุด ถ้าเราไม่พูดอย่าว่าแต่ฝรั่งเลยแมวที่บ้านก็ยังไม่เข้าใจ นอกจากนี้ควรเลิกนิสัยปากเปราะ ขี้บ่น หรือขอให้ได้บ่น เชื่อไหมว่าแม้เราจะไม่มีเจตนาร้ายใดๆแต่รับรองว่าหนุ่มต่างชาติร้องยี้แน่นอน

Money is not everything
อย่าเห็นเขาเป็นตู้เอทีเอ็ม
ปฏิเสธไม่ได้ว่าหลายๆคู่ที่เลิกกันเพราะเรื่องเงินๆทองๆ ไม่อย่างนั้นผลวิจัยของ Jason Carrol นักวิชาการด้านชีวิตครอบครัวจากมหาวิทยาลัย Brigham Young ที่ยูทาห์ สหรัฐอเมริกาคงไม่ออกมาว่าคู่รักที่เอาเรื่องเงินทองมาเป็นสาระสำคัญในชีวิตคู่นั้นมักจะอยู่กันยากกว่าคู่ที่เห็นเรื่องเงินเป็นเรื่องรองลงมาจากเรื่องอื่น ฝรั่งก็คนนะคะไม่ใช่ตู้เอทีเอ็ม เพราะฉะนั้นเราเป็นหญิงสาวมีหน้าที่การงานมั่นคงก็ไม่ควรตักตวงจากเขามากจนเกินเหตุ ไม่ใช่เดินผ่านบูติกแบรนด์เนมก็ชี้อยากได้นั่นนี่ตลอดเวลา แน่นอนว่าถ้าไปถึงขั้นที่ตกลงจะสร้างครอบครัวด้วยกันเขาย่อมรับผิดชอบคุณอย่างเต็มกำลังและความสามารถอยู่แล้ว แต่ถ้าอยู่ในระหว่างคบหาดูใจกันควรจะแสดงน้ำใจเล็กๆน้อยๆ เช่น มื้อนี้เขาเลี้ยงข้าวเราในครั้งต่อไปเราก็อาจตอบแทนเขาด้วยการเลี้ยงหนัง หรือมีขนมติดไม้ติดมือไปฝากเวลาที่เจอกันคราวหน้า นอกจากนี้ควรมีน้ำใจเผื่อแผ่ไปถึงคนใกล้ชิดเขาด้วย และปฏิเสธไม่ได้ว่าผู้หญิงบางคนที่คบหากับหนุ่มต่างชาติที่ไม่ได้อยู่ในเมืองไทยต่างคาดหวังให้เขาส่งเงินมาให้ทุกเดือน อย่าลืมว่าการเป็นผู้หญิงที่ไม่ต้องแบมือขอเงินผู้ชายนั้นดูจะมีอำนาจและน่าเกรงใจมากกว่า เพราะถ้ากล้าแบมือขอเงินเขาหากวันใดที่ความสัมพันธ์ระหองระแหงเขาจะใช้เรื่องเงินเป็นข้ออ้างในการข่มเหงเราได้ และขอแนะนำว่าหากสาวไทยคนใดไปใช้ชีวิตครอบครัวอยู่ต่างประเทศควรจะมีวิชาความรู้หรือทักษะง่ายๆติดตัวไปด้วย เช่น หากสามารถแปลภาษาได้ก็ควรจะรับงานจากเมืองไทยไว้ด้วย หรือทำกับข้าวเก่ง เพนต์เล็บเป็น ก็จะได้ใช้ความสามารถและทักษะที่ว่ามาไปหารายได้พิเศษ และไม่ต้องกลัวว่าถ้าหากหาเงินเองได้แล้วหนุ่มต่างชาติจะทอดทิ้ง กลับกันเขาจะยิ่งรู้สึกเคารพ ให้เกียรติ และรู้สึกว่าผู้หญิงของเขารู้จักทำมาหากิน พัฒนาตัวเอง รวมทั้งตัวเราเองก็จะยังมีความนับถือตัวเองหรือ self-esteem อยู่อย่างเต็มเปี่ยมด้วย

The more you laugh, the more you love
สวยมักนก ตลกมักได้
การเป็นผู้หญิงตลกมีอารมณ์ขันถือเป็นเสน่ห์ไม่แพ้ผู้หญิงสวยเลยล่ะ แล้วถ้ายิ่งสวยด้วยมีอารมณ์ขันด้วยรับรองว่าเราจะเป็นของหายากที่ผู้ชายทุกชาติอยากอยู่ด้วย จากโพลของเวบไซต์ Yourtango.com ซึ่งเป็นเวบไซต์เกี่ยวกับแนวทางการใช้ชีวิตคู่ได้สำรวจผู้ชาย 200,000 คน และผลออกมาเป็นเสียงเดียวกันว่าอารมณ์ขันของผู้หญิงนั้นเป็นสิ่งสำคัญอันดับที่สี่ที่ผู้ชายทั้งหลายมองหาในตัวหญิงสาวที่เขาอยากให้ชีวิตด้วย การเสียงหัวเราะทำให้สถานการณ์ปกติดูน่าสนใจ และทำให้สถานการณ์ที่ดูตึงเครียดผ่อนคลายลง ต้องยอมรับว่าผู้หญิงที่มีอารมณ์ขันจะไม่วางท่า ไม่เชิด ทำให้ผู้ชายเมื่ออยู่ด้วยแล้วรู้สึกสบายใจ เช่นพ่อหนุ่ม Hulk อย่างอีริก บานา ซึ่งแต่งงานหวานชื่นกับภรรยาที่เป็นคนต่างชาติ และอยู่กันมายาวนานถึง 15 ปียังบอกเลยว่า “ผมทำให้แฟนผมหัวเราะทุกวันครับ ไม่ใช่หัวเราะคิกคักนะครับ หัวเราะเอิ๊กอ๊ากกันเลยละคู่ของเรา” คู่นี้มีลูกถึง 2 คนแถมโตแล้วด้วยนะจะบอกให้

The nicer you are, the easier you get hurt
ฉันไม่ใช่นางเอก
หมดสมัยทำตัวเป็นนางเอกกันแล้วเพราะสมัยนี้การแข่งขันสูงและมักจะมีปัจจัยอื่นๆเข้ามากระทบความสัมพันธ์ พูดง่ายๆก็คือผู้หญิงด้วยกันเองนี่แหละค่ะ เพราะผู้ชายสมัยนี้เหลือน้อยดีมานด์จึงย่อมมีมากไปโดยปริยาย เรื่องแบบนี้ใช่ว่าจะเกิดขึ้นไม่ได้ เราขอยกตัวอย่างประเภทของสาวๆที่พยายามจะเข้ามาตีสนิทกับหนุ่มขนตางอนของเราอย่างเช่น สาวอ่อนแอ สาวๆประเภทนี้มักจะทำอะไรด้วยตัวเองไม่ได้หรือทำไม่เป็น สาวเก่งที่เก่งไปเสียทุกเรื่อง หรือสาวอยากฝึกภาษา วิธีป้องกันคือไม่ควรพาแฟนหนุ่มไปในสถานที่อโคจรอย่างเช่น ผับ บาร์ จะได้ไม่เป็นการเปิดโอกาสให้คนอื่นเข้ามาตีสนิทกับแฟนหนุ่มของเรา

ทั้งหมดทั้งมวลที่กล่าวมาเป็นแค่แนวทางให้สาวๆนำไปปรับใช้ในความสัมพันธ์กับผู้ชายทุกชาติทุกภาษา และอยากทิ้งท้ายว่าอย่าคิดที่จะมีแฟนเป็นชาวต่างชาติเพราะเห็นเป็นแฟชั่น ตามเพื่อน หรือหวังจะมีอนาคตที่ดีขึ้น เพราะผู้ชายต่างมีดีและเลวแตกต่างกันไป และอย่าคาดหวังว่าเราจะเปลี่ยนเขาได้ โลกนี้ไม่มีคำว่า You bring out the best in me หรือ You make me want to be a better man ไม่ว่าความสัมพันธ์จะเป็นแบบไหนสิ่งที่จะประคับประคองชีวิตคู่ให้อยู่รอดได้คือความเข้าใจ ความเอื้ออาทร และความซื่อสัตย์เท่านั้น

ถ้าคิดว่าพร้อมที่จะเดินบนเส้นทางนี้ก็ขอให้มีความสัมพันธ์ที่ราบรื่นกับหนุ่มต่างชาติและผลิตทายาทเป็นลูกครึ่งกันถ้วนหน้าทุกคู่นะคะ

ปล. หนุ่มต่างชาติแบบไหนที่สาวไทยควรหลีกเลี่ยง

  1. หนุ่มที่อยู่เมืองไทยมานาน
    สาวๆอาจจะอุทานว่า อ้าว! ไม่หาจากเมืองไทยแล้วจะให้ไปหาจากดาวดวงไหน เหตุผลก็คือเขาชายหนุ่มเหล่านี้จะ‘หลงตัวเอง’ และ ‘รู้มาก’ เพราะฉะนั้นถ้าไม่อยากเป็นหนึ่งในตัวเลือกของหนุ่มต่างชาติแนะนำว่าให้หลีกเลี่ยง

  2. หนุ่มปากหวาน
    ถ้าเจอหนุ่มประเภทพูดจาหวานเลี่ยนขอแนะนำว่าอย่าเข้าใกล้เป็นอันขาด เพราะพ่อหนุ่มแค่อยากจะมีสัมพันธ์เพียงชั่วครู่ หากสาวๆอยากมีความสัมพันธ์ระยะยาวเลี่ยงได้จะเป็นการดี

  3. หนุ่มคาราคาซัง
    หนุ่มประเภทนี้มักจะบอกกับเราว่า “ผมมีภรรยาแล้ว แต่เรากำลังจะหย่ากัน” หรือ “ผมมีแฟนแต่ผมอยากเลิก เรากำลังเคลียร์กันอยู่” อย่าได้เผลอเข้าไปเล่นกับไฟ ย้ำ! อย่าได้เผลอ เพราะความจริงคือถ้าเขาจะเลิกคงเลิกไปนานแล้ว