สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ชาว steemit & busy,
วันนี้กลับมาวันที่ 2 ยังฟิตอยู่ค่ะ ดูซิจะผลุบๆ โผล่ๆ อีกไหม แต่ยังไงก็หวังว่าเพื่อนๆ จะไม่โกรธถ้าวิมาบ้างไม่มาบ้าง แต่ครั้งนี้จะพยายามเล่นใน steemit ให้มากขึ้นหลังจากหนีไปเข้าป่าเข้าพง ห่างหายจากสังคม steemit ไปเสียนาน จากเมื่อวานวิเกริ่นไว้เรื่องสัญชาติญาณของผู้หญิง ตรงนี้วิขอเอาความคิดเห็นของวิส่วนตัวเลยนะคะ ไม่เกี่ยวกับใคร ไม่มีใครผิดถูก ผู้หญิงเราโดยปรกติ ก็เป็นเรื่องธรรมดาค่ะ ที่เรียนจบมาก็อยากมีแฟน แต่งงาน มีอาชีพที่มั่นคง มีครอบครัว มีลูกมีสามีที่ดี จนถึงมีหลานเหลนเต็มบ้าน ซึ่งก็ถือว่าเป็นเรื่องปกติพื้นๆ โดยทั่วไป แต่ถ้าใครไม่ได้คิดแบบนี้ก็ไม่ผิดแผก คนเรามีความเชื่อความชอบทัศนคติในการชีวิตแตกต่างกันไป แต่วิขอพูดในเรื่องของคนทั่วไปธรรมดาที่เราก็เห็นๆ กันอยู่ในสังคม
วิก็เป็นคนหนึ่งที่ โชคดีในหลายเรื่อง ที่ได้ทำงานที่ชอบได้อยู่ในสถานที่ๆ เรามีความสุข ได้แต่งงานและใช้ชีวิตครอบครัวกับผู้ชายที่ไว้ใจได้และฝากชีวิตไว้ได้ เมื่อวิมองว่าสิ่งรอบตัววิก็ค่อนข้างจะไปได้ดี ก็เกิดอาการอยากจะมีลูก วิว่ามันเหมือนธรรมชาติของผู้หญิงที่เรามีอยู่ภายใน ซึ่งตอนที่วิกับสามีคบกันได้ 3 ปีก่อนได้แต่งงานเป็นฝั่งเป็นฝา ช่วงนั้นวิก็อายุ 35 ปีแล้ว ก็คิดว่าเราอยากมีลูกมากๆ เพราะเหมือนเรามั่นใจในตัวเราและตัวสามีว่าเราต้องเป็นพ่อแม่ที่มีคุณภาพได้ แต่เนื่องจากเราก็พึ่งจะได้ทำธุรกิจเป็นชิ้นเป็นอัน ก็เลยมีข้ออ้างให้เรายังไม่รีบจะมีลูก จนเวลาล่วงเลยมาจนวิจะอายุครบ 38 ปี สิ้นปีนี้ วิรู้เลยว่าความต้องการอยากจะมีลูก และอยากจะเป็นแม่ลดลงไปเยอะมาก จากตอนอายุ 35 ปี นี้วิมีแรงบันดาลใจมีความหวัง แถมแอบจินตนาการว่าลูกออกมาคงหน้าตาน่ารัก เพราะเป็นเด็กลูกครึ่ง จะได้เกาะลูกกินตอนโตได้ อาจจะได้เป็นดาราเหมือนคนอื่นเค้า 555 ล้อเล่นค่ะ แต่พอผ่านมาได้ 3 ปี อายุ ปาไป 38 เกิดความกลัวว่าถ้าท้องตอนใกล้ 40 จะอันตรายทั้งแม่ทั้งลูก กลัวลูกจะไม่สมบูรณ์ทางด้านสติปัญญา ถึงใครบอกว่าเดี๋ยวนี้การแพทย์รุดหน้า แต่วิเป็นพวกกังวลไว้ก่อน เพราะเราต้องยอมรับว่าถึงเราจะดูอ่อนกว่าวัย (ใครบอกไม่รู้ รู้ว่าหน้ายังเด็กอยู่ 555 แต่ภายในนี้ก็ใช้งานไปเยอะแล้วนะ อิๆ ) เลยเริ่มคิดว่าหรือเราจะไม่มีลูกดี ตอนที่คิดแบบนี้น่าจะช่วงเดือน มีนาคม ทำให้วิเกิดอาการนอยด์และแอบผิดหวัง แต่ก็พยายามเก็บไว้และปลอบใจตัวเอง ว่าการไม่มีลูกก็ดีนะ ไม่ต้องมากังวลแถมสมัยนี้ก็เลี้ยงยากกว่าสมัยก่อน เพราะความรักอย่างเดียวไม่พอ ต้องมีฐานะขึ้นมานิดนึงเพื่อจะทำให้คุณภาพชีวิตของลูกดีขึ้น ประกอบกับ คุณสามีก็เป็นคนที่ไม่อยากมีลูกด้วย ก็เลยไม่ได้เกิดความกระตือรือร้นที่พยายามจะทำให้มีลูก แถมชอบอ้างนู้นนี้นั้น ทำให้วิแอบเคืองสามี แล้วเก็บความไม่พอใจเอาไว้
จนเมื่ออาทิตย์ที่แล้ว ก็เลยเกิดดราม่าเล็กๆ กับสามี เหมือนวิต้องระบายออก ไม่งั้นมันแน่นอกต้องยกออก เพราะวิตัดใจและบอกสามีไปเลยว่าเราจะไม่มีลูก จะได้ไม่ต้องมาสร้างความหวังลมๆ แล้งๆ เลยให้สามีเปิดใจว่าตัวเค้าอยากจะมีลูกไหม สรุปคือ สามีก็ยอมรับว่าเค้าไม่อยากมีลูก เค้านึกภาพของการมีลูกไม่ออก เค้ากลัวว่าถ้ามีลูกแล้ว วิกับสามีจะเปลี่ยนไป วิก็พอเข้าใจว่าเค้ามีปมในชีวิตเรื่องที่พ่อทิ้งเค้าไป แต่วิก็บอกว่าเราไม่เหมือนกับพ่อแม่เค้า หรือครอบครัวอื่น เพราะเรายอมรับซึ่งกันและกันมาโดยตลอด วิอยู่กับสามี 24 ชั่วโมง ตลอดทุกวันมา 5 ปี เราไม่เคยที่จะทะเลาะกันเลยแบบรุนแรงมากๆ ส่วนมากก็แค่ไม่พอใจ พอสักชั่วโมงก็หายโกรธ เพราะเราจะยอมรับข้อเสียของอีกฝ่ายได้ และยอมรับเหตุผลของแต่ละคนได้ เหมือนเรามองเห็นทั้งข้อดีและข้อเสียของทั้งคู่ ที่สำคัญเราไม่เคยเก็บความไม่พอใจไว้คนเดียว มีอะไรก็พูดก็เคลียร์กันให้จบไปเลย แล้วถ้าจบก็หมายถึงจบไม่มีการเอามาพูดซ้ำๆ บ่อยๆ ให้เกิดปัญหาอีก วิเลยมั่นใจว่าลูกไม่ใช่สาเหตุที่จะทำให้ผัวเมียเลิกกันได้นะคะ ที่เลิกกันก็เพราะตัวสามีภรรยาล้วนๆ
พอถึงตอนนี้วิเข้าใจว่า ถ้าไปบีบบังคับต้องมีลูกก็คงจะมีปัญหา ความไม่สบายใจ แล้วอีกอย่างวิก็ทำใจยอมรับว่าวิเลือกที่จะไม่มีลูกดีกว่า ไม่ใช่เอาใจสามีนะคะ แต่ด้วยธรรมชาติร่างกายของผู้หญิงเรามีขีดจำกัดค่ะ แต่วิก็บอกสามีว่าขอเวลาฉันทำใจยอมรับนิดนึง อุตส่าห์สร้างความหวังมาเกือบ 4 ปี จะให้ตัดใจง่ายๆ คงจะยากทำใจในเสี้ยววินาที (ทำเป็นพูดไป เผื่อถ้าวิท้องขึ้นมาก็คงจะฮาดีนะคะ 555) พอได้พูดสิ่งที่เราเคืองในใจออกมา ตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้วิสบายใจมากเลยค่ะ ไม่มีปัญหาเรื่องมีลูกไม่มีลูกมากวน แต่ถ้าเกิดว่ามีบุญได้ท้องก็ถือว่าโชคดีไปค่ะ :)
แต่เชื่อไหม ผลจากความคิดว่าวิคงไม่มีลูกแน่นอน มันทำให้แรงบันดาลใจหดหายไปเลยนะคะ ตอนแรกๆ วิก็ไม่เข้าใจอารมณ์แบบนี้ มันเหมือนเพ้อๆ ฟุ้งซ่านทางความคิด ทำให้วิไม่มีอารมณ์จะทำอะไรเลย ไม่ใช่ขี้เกียจนะคะ แต่เหมือนเราจะดิ้นรนไปให้ใคร วิเลยคิดว่า เวลาวิเห็นพ่อ แม่วิหรือคนรู้จักที่เค้ามีลูก แล้วเค้ารับผิดชอบดูแลลูกอย่างดี วิว่าเค้ามีแรงบันดาลใจ มีจุดมุ่งหมายว่าเค้าทำไปเพื่อใคร ส่วนวิช่วงแรกๆ ที่พยายามจะทำให้ยอมรับว่าเราน่าจะไม่มีลูก ตอนนั้นวิเหมือนคนไม่มีแรงกระตุ้นใดๆ เลย จากคนที่เคยกระตือรือร้น ทะเยอทะยาน กลายเป็นไฟมอดไปซะงั้น ทำให้วิอึดอัดใจอย่างมาก ก็หงุดหงิดตัวเองไปหลายเดือน จนมาคิดได้ว่าอาจจะเพราะเราไม่มีเรื่องต้องให้กังวลใจมากเกินไปหรือเปล่า สามีก็ทำงานเก่ง ขยัน ไม่มีเรื่องเจ้าชู้ รีสอร์ทก็ไปได้เรื่อยๆ ถึงจะยังไม่ติดตลาด แต่คิดว่าไม่นานก็คงจะดีขึ้น พนักงานที่ทำงานให้ ก็ทำงานดี ไว้ใจได้ คุณพ่อก็ขยันลงโพสทุกวัน ตั้งใจเขียนโพส จนคุณลูกปลื้มปริ่ม คุณแม่ก็มีความสุขดี กับกิจการร้านเสื้อผ้าที่วิฝากให้ดูแล และวิก็ได้ดูแลแม่กับป้าอย่างใกล้ชิด คนรอบข้างก็ดี ไม่มีดราม่า เพราะวิเลือกที่จะคบคน ใครดูไม่ดี วิก็ปลีกตัวออกห่าง ก็เลยทำให้ชีวิตที่มีแต่ละวันดำเนินไปเรื่อยๆ ในทางที่ดี ไม่มีเรื่องให้ปวดหัวมากนัก ก็เลยกลายเป็นดีเกินไปซะงั้น 55 เลยคิดฟุ้งซ่าน (ถึงบอกคนเราก็แปลก มีชีวิตดีดี๊ก็ดันมาไม่สบายใจ สงสัยจะเพี้ยน)
พอเริ่มตั้งสติได้ และได้คุยกับเพื่อนตุ๊กติ๊กกับเพื่อนเอ๋ ก็เลยคิดว่าวิควรจะหาแรงบันดาลใจให้ตัวเองซะหน่อยดีกว่า ไม่งั้นวิก็อาจจะเพ้อเจ้อไปมากกว่านี้ 5555 หลังจากคิดหาค้นให้เจอว่าจะทำอะไรให้เรารู้สึกว่า ไฟในตัวไฟในใจกับมาลุกโชติช่วงอีกครั้ง วิก็หาจนเจอค่ะ แต่จะเป็นอะไรนั้น ต้องรออีกนิดนะคะ เพราะพึ่งจะเริ่มคิดทำขึ้นมา เดี๋ยวพอเป็นรูปเป็นร่างจะรีบบอกเพื่อนๆ ใน steemit ก่อนคนอื่นเลยค่ะ
อ๋อ! มีอีกเรื่อง ถ้าเพื่อนๆ ยังไม่ลืม เพราะก่อนหน้านี้เมื่อกลางเดือนพฤษภาคม แมววิก็ป่วยอีก เป็นลูคีเมียที่รักษาไม่หาย กับดันเป็นมะเร็งเนื้องอกอีก ซวยซ้ำซ้อนน่าสงสารแมวรัก แต่ตอนนี้หายแล้วค่ะ ไม่มีเนื้องอกเหลือเลย หลังจากโดนฉีดยาทำคีโมไป 1 เดือน อาการน้องเมียดีขึ้นมากค่ะ หายใจได้ปกติ น้ำหนักมากขึ้น คุณหมอบอกน้องดูดีขึ้นเป็นแมวสุขภาพดี แต่ก็ต้องรับการรักษาต่อเนื่องไปเรื่อยๆ ต้องทานยาตามที่หมอให้ แล้วมาลุ้นว่าอีก 7 เดือน เนื้องอกจะกลับมาหรือหายขาด แต่ตอนนี้วิก็ดีใจอย่างมากแล้วค่ะ ที่เค้ากลับมาเล่นซน และร้องงอแงได้เสียงดังเหมือนแต่ก่อน แค่ตอนนี้วิกับสามีต้องเปลี่ยนพฤติกรรมการเลี้ยงเป็นระบบปิดแทน ไม่ให้เค้าออกจากบ้านไปตัวเดียว ก็เลยต้องมีคนนั่งเฝ้าตอนกลางวัน แล้วพาไปเดินเล่น ใส่สายจูงเป็นน้องหมาเลย 555 เพราะไม่อยากให้เค้าเครียด ไม่มีความสุข จากที่เคยได้ไปใช้ชีวิตอิสระ จะกลับเมื่อไหร่ก็ได้ แต่ตอนนี้อิสระถูกตัดไปเลย ถ้าต้องการมีชีวิตอยู่ยืนยาว วิก็ต้องให้เค้าอยู่กับเราในบ้านตลอด ไม่ให้ออกไปไหนตัวเดียวโดดๆ เหมือนที่ผ่านมา ตอนแรกก็เครียดทั้งคนเลี้ยง ทั้งแมว แต่ตอนนี้ปรับตัวกันได้แล้ว พอตกกลางคืนก็มานอนด้วยกัน 1 ตัว กับ 2 คน บนเตียงเดียวกัน เลยยกตำแหน่งลูกสาวหัวแก้วหัวแหวนให้ น้องเมีย ไปครอบครองแล้วค่ะ
หน้าตาเมียจะตื่นมาก เพราะนานๆ จะได้ถูกปล่อยมาเดินเล่นแถวบ้าน
ขอบคุณเพื่อนๆ ที่ตามอ่านมาถึงตรงนี้นะคะ และขอขอบคุณทุกกำลังใจที่มีให้วิมาสม่ำเสมอค่ะ
วิ
เป็นกำลังใจให้คุณวิค่ะ .... เจอปัญหาคุกคามใจแบบเดียวกันกับแนตเลยค่ะเรื่องอยากมีลูกแต่สามีไม่อยากมี...แนตนอยด์มากบางครั้งถึงขั้นซึมเศร้า...อารมณ์เหมือน2ขั้ว อยากมีมากๆถึงขั้นเห็นเด็กๆไม่ว่าที่ไหนแล้วทำใจไม่ได้...อีกใจบอกว่าไม่มีก็ดีจะได้ไม่มีห่วง...สุดท้ายแล้วแต่ละกัน..ไม่อยากคิดมาก ...เลยเข้าใจคุณวิอย่างดีเลยค่ะ...
แอบมาฟังแรงบันดาลใจด้วยค่ะ รอติดตาม..ค่ะคุณวิ
ขออนุญาตนะครับ ผมขอเป็นกำลังใจให้คุณแนตด้วยครับ ชีวิตครอบครัวผมเข้าใจว่าเป็นของคน 2 คนเรื่องลูกก็เหมือนกันครับ ผมเข้าใจนะครับ แม้ผมจะไม่เคยมีความรู้สึกแบบนั้น ยังไงขอให้ทั้งคุณวิและคุณแนต ปรับความเข้าใจแล้วผ่านเรื่องนั้นไปได้ครับ ขอเป็นอีกหนึ่งในกำลังใจด้วยครับ
ขอบคุณคุณโจ้ค่ะ ....
ขอบคุณค่ะคุณแนตตี้ แล้วตอนนี้คุณแนตตี้สบายใจขึ้นหรือยังค่ะ ถ้ายังมีนอยด์ต้องเคลียร์ใจให้จบนะคะ ไม่งั้นเราจะหน่วงในความรู้สึกแล้วเราจะคิดจะทำอะไรไม่ค่อยออก สมองไม่โล่ง ตอนนี้วิไม่กังวลแล้วค่ะ ถือว่าจบเรื่องไป ตอนนี้มามุ่งไปทางอื่น สร้างแรงบันดาลใจให้ตัวเองใหม่ รอติดตามนะคะ
ขอบคุณค่ะคุณวิ ....คงต้องเคลียร์ครั้งใหญ่นะค่ะ ขอบคุณสำหรับกำลังใจค่ะ....และจะรอติดตามวิธีสร้างแรงบันดาลใจของคุณวินะค่ะ เผื่อจะเอามาปรับใช้กับตัวแนตเองได้บ้าง
สู้ๆ ค่ะ คนรักกันใกล้ตัวที่สุด เราต้องไม่ปิดบังความรู้สึกเราค่ะ คุยกันแบบใจร่มๆ บอกเหตุผลของแต่ละคน แล้วคุณแน๊ตตี้จะสบายใจที่ได้พูดให้สามีได้ฟังค่ะ ลังจากนั้นจะโล่งสบายใจสบายหัวเลยค่ะ
ขอบคุณคำแนะนำดีๆค่ะคุณวิ...
เป็นกำลังใจให้คุณแนท เช่นกันค่ะ อาจจะนอยด์บ้าง แต่เชื่อว่าทั้งสองคนคงมีความสุขไม่น้อยเวลาอยู่ด้วยกัน ยังไงลองคุยกันดูนะคะ
ขอบคุณคุณเล็กค่ะ
ของพี่มาแหวกแนวเลยค่ะ พี่ไม่อยากมี เพราะเป็นคนขี้รำคาญ ไม่ชอบเสียงกระจองอแงของหลานๆ ที่เอาแต่ใจ (เรานิสัยไม่ดี 555) แต่คุณแฟนอยากมีมากๆๆ กลับกันเลย 😂 แต่พอมีลูกก็ทำให้เราต้องเปลี่ยนตัวเองเยอะเลยค่ะ มนุษย์แม่ต้องอดทนขั้นเทพ จากที่ทำอะไรๆ ก็เพื่อตัวเอง พ่อแม่ แฟน ตอนนี้ต้องเพิ่มขึ้นมาเป็นหลายๆ เท่าเลยค่ะ ตั้งแต่มีเจ้าสองหนุ่มนี้
เป็นกำลังใจให้คุณวิ และทุกๆ คนค่ะ ไม่ว่าจะเป็นครอบครัวแบบไหนก็สามารถมีความสุขได้ในแบบของตัวเอง
ขอบคุณค่ะพี่เปิ้ล อาจจะเพราะวิชอบเด็กๆ ด้วยเคยช่วยแม่เลี้ยงน้อง ไปช่วยเลี้ยงเด็กแฝดแล้วมีความสุข ตอนนั้นเรายังเป็นสาวน้อย แต่ตอนนี้เริ่มจะอายุมากขึ้น คงหมดแรงไปรบกับลูกตัวเล็กๆ แล้วค่ะ ตอนนี้ก็มีความสุขดีค่ะกับสามี ดูแลกันไปลุงป้าคู่นี้ 5555
เป็นกำลังใจให้ครับคุณวิ และดีใจเรื่องแมวด้วยครับ คำว่าครอบครัว ไม่เป็นต้องจำกัดความว่า พ่อ แม่ ลูก เสมอไปครับ สุดท้ายมันก็ต้องเกี่ยวกับคน 2 คนว่าพร้อมไหมอยากมีเค้าไหม กายพร้อม ทรัพย์พร้อม แต่ใจไม่พร้อม มันจะไม่มีความสุขครับ เคารพการตัดสินใจของกันและกัน แล้วทำใจให้สบายดีกว่าครับ เพื่อความสุขในชีวิตครับ
จริงค่ะ ความสุขมันไม่ใช่ว่าต้องมี พ่อ แม่ ลูกเสมอไป พอผ่านช่วงความคิดตอนนั้นมาได้ก็สบายใจมากเลยค่ะ ขอบคุณคุณโจ้ที่เป็นห่วงและให้คำแนะนำดีๆนะคะ
Wow!!
อ่านแล้วเข้าใจเพื่อนหลายๆคนที่ต้องการมีน้องเลย..อ่านแล้วอยากเป็นกำลังใจให้ทุกคนมีความสุขในทุกๆรูปแบบที่แต่ละคนเป็นอยู่ถึงแม้บางท่านอาจจะไม่ได้ดังหวังแต่ชีวิตสามารถมีความสุขมีรอยยิ้มได้ แค่ใจเรายิ้มมันก้อเป็นจุดเปลี่ยนแล้วแค่คลิ๊กเดียวถ้าเราสามารถทำได้ เราก้อมีความสุขได้
เหมือนที่บอกเพื่อนวิไป “ลูก” คือตัวแทนความรักของคู่สามีภรรยาแต่หากเราไม่สามารถมีได้เราก้อยังมีความรักที่มีให้กันอยู่ดี
สุขแบบเพื่อนกับเสี่ยดีกว่า เรามาขยันเขียนเยอะๆ เก็บเงินไว้หาซื้อที่พักพิงคนชราด้วยกันทั้ง 3 คู่ ในยุโรปดีไหม แบบกลุ่ม ตายาย 5555
😂😂😂😂
ชอบๆ เป็นอีกหนึ่งไอเดียที่น่าสนใจ
3 คู่ตายาย เที่ยวก้อเที่ยว / ออแกนนิกก้อเอา / แถมทำกิจกรรมตกปลาร่วมกัน. แหมแค่คิดก้อสนุกแล้ว
“คุณยาย ตุ๊กติ๊ก คุณยายวิ คุณยายเอ๋”
ก็ดูท่าทีแล้วพวกเราคงจะปล่อยตะขาบมอบตำแหน่งคุณยายวรนาท ทายาทอสูรให้ใครไม่ได้เสียแล้ว @giantkidishere @livemylife
พูดซะเห็นภาพ
แฟนเล็กก็ไม่อยากมีค่ะ เพราะเขามีแล้วกับเมียเก่า แต่เล็กก็คิดๆว่าอยากมีเหมือนกัน แอบนอยด์เหมือนกัน แต่ด้วยอะไรหลายอย่างที่เล็กคิดว่า คงเป็นแม่ที่ดีไม่ได้ และยังอยากทำตามความฝันตัวเองอยู่ เล็กเคยไปเลี้ยงเด็กมาด้วย เลี้ยงยากมาก 555แทบลมจับ บางครั้งก้แอบนอยด์ธรรมดาค่ะ คุณวิเล็กก็เป็น แต่คิดไปคิดมา ไม่ดีกว่า อยู่แบบนี้ก็สบายใจละ แฟนเล็กถึงขั้นไม่อยากแต่งงานอีกเลยด้วยซ้ำ เหมือนเข็ด เจ็บแล้วจำอะไรประมาณนั้น เล็กก็เข้าใจเขานะคะว่ามีอดีตที่เลวร้าย แต่ก็ไม่พยายามไปเซ้าซี้เขามาก เพราะ ถ้าเขาบอกว่าไม่ก็ คือ ไม่
แม่ก็เร่งให้แต่งอยู่นั่นแหล่ะ ถ้าแม่เล็กอยากให้แต่งงานคงต้องหาแฟนใหม่ 555 เพิ่งคบกันมา 1 ปีเอง จะรีบไปไหเนอะ ดูใจกันไป
ยังไงก็เป็นกำลังให้คุณวินะคะ ไม่แน่อาจจะแอบมีแล้วก็ได้ อิอิ การเข้าใจกัน คือ สิ่งที่ดีที่สุดค่า
ยังไงก็ขอเป็นกำลังใจให้คุณผู้หญิงทั้งสามที่อยากจะมีลูกนะคะ....เมื่อก่อนเราก็เคยคิดอยากจะมี แต่พอ ไปเป็นพี่เลี้ยง ต้องเลี้ยงเด็กๆต่างวัยพร้อมกันหกคน ฝาแฝดคู่นึง เลื้ยงพวกเขาปีกว่า ต้องคอยดูแลทุกอย่าง 24 ชั่วโมง โห หายอยากเลยค่ะ เข็ด.....ลองรับเลี้ยงเด็กดูสิคะ เผื่อว่าจะช่วยผ่อนคลายความอยากมีลูกไปได้บ้าง ไม่แน่นะ ลูกอิจฉาอาจมาเกิดก็เป็นได้
คุณตุ๊กตา รับเลี้ยงเด็กหรือเปิดศูนย์เลี้ยงเด็กค่ะ 6 คน เป็นวิก็คงขยาดเหมือนกัน 555 ตอนนี้ไม่เอาแล้วค่ะ แค่คิดจะอุ้มท้องก็เหนื่อยแล้วค่ะ อิ ๆ
สวัสดีค่ะคุณเล็ก , เป็นกำลังใจให้นะคะ วิว่ามันคงเป็นเรื่องปกติของคู่ชีวิตกันไปแล้วที่ต้องมีเรื่องที่ชอบและไม่ชอบ เห็นต่างแต่ถ้าเราเปิดใจรับฟังทั้ง สองฝ่ายปัญหาก็จะเบาลง ความรักความเข้าใจสำคัญจริงๆ สำหรับคู่ชีวิต
ส่วนเรื่องแต่งงานนี้เป็นเรื่องที่บางทีก็คาดเดาไม่ได้ อย่างสามีวิแต่ก่อนก็บอกไม่อยากแต่งงาน แต่อยู่ดีๆ ก็อยากแต่งงานขึ้นมาซะงั้น เลยแล้วแต่เค้าเลย เพราะสุดท้ายการจะอยู่กันได้ไม่ใช่พิธีการ แต่คือความให้เกียรติซึ่งกันและกันมากกว่า
ขอบคุณคุณวิมากค่ะ สบายใจละ^_^
เป็นกำลังใจให้พี่ๆทุกคนนะคะ ถึงจะเป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวลูกสองรินก็เข้าใจหักอกผู้หญิงด้วยกันค่ะ และยิ่งอ่านเรื่องที่พี่ๆอยากมีลูกทำให้รินรักลูกขึ้นกว่าเดิมเป็นร้อยเท่าทวีคูณ รินจะดูแลลูกๆให้ดีที่สุดค่ะ
ดีมากคุณริน ดูพี่ๆ เป็นตัวอย่างพร้อมจะมีก็มียาก ดังนั้นเรามีแล้วก็ต้องดูแลดุจแก้วตาดวงใจ
ผมก็คิดไม่อยากมีลูกเหมือนกันครับ แต่ไปหลงรักหลานมาก จนกลายอยากมีเป็นของตัวเอง ทุกวันนี้ปวดหัวเลยครับ 555+
เพราะมีเป็นของตัวเองแล้วใช่ไหมค่ะ ถึงได้เจ็บหัว ที่บ้านลูกพี่ลูกน้องมีกันหมดแล้วค่ะ สามคนบ้าง 1 คนบ้าง จนพ่อวิทำใจว่าคงไม่ได้เลี้ยงหลานแท้ๆ ของตัวเอง