หรือชื่อเธอจะเป็นลาง

in #thai7 years ago

สวัสดีค่ะ เพื่อนๆ ชาว steemit & busy ทุกท่าน,

ห่างหายกันไปนาน 1 อาทิตย์อีกแล้ว เนื่องจากติดภารกิจรักษาน้องเมีย (แมว) สุดที่รักของวิและสามี ที่ตอนนี้ได้ผลออกมาแล้วค่ะ ว่าน้องไม่ได้มีอาการอวัยวะฉีกขาดภายใน เหมือนที่คุณหมอสัตว์แพทย์ที่เกาะพะงันวินิจฉัยไว้ เพราะคุณหมอใช้วิธีจับบีบที่ท้องของน้องและสันนิษฐานว่าน่าจะมีอุบัติเหตุเกิดกับน้องเมียได้ อาจจะวิ่งเร็วเกินไปตอนที่หนีหายไปจากบ้าน อีกอย่างทางวิและสามีก็อยากจะไปตรวจที่โรงพยาบาลสัตว์ในตัวเมืองสุราษฏร์ธานีมากกว่า เพราะเครื่องมือพร้อมมากกว่า ถ้าเกิดเคสถ้าน้องต้องผ่าตัดเปิดช่องอกจริงๆ ก็จะได้ทำได้เลย ตอนนั้นก็แค่หวังว่าให้ถึงมือคุณหมอก่อนดีที่สุดค่ะ

ภาพบรรยากาศตอนนั่งเรือกลับจากสุราษฎร์ธานี หลังจากเมียน้อย admit 3 วัน 2 คืน เรานั่งเรือออกมาจากท่าน้ำตาปี บรรยากาศรอบข้างจะมีการดูดทรายและมีต้นโกงกางขึ้นโดยรอบ

32959160_1859937020711061_5121358526039457792_n.jpg

32953137_1859936394044457_2442952349715529728_n.jpg

32858336_1859936777377752_453289907822002176_n.jpg

32878803_1859937084044388_9088877764500520960_n.jpg

ไปถึงโรงพยาบาลสัตว์ตอน 21.30 น. ทั้งคนทั้งแมวมีอาการเหนื่อยกันอย่างเห็นได้ชัด แมวนี้เหนื่อยกับการเดินทาง เพราะหายใจไม่ได้สะดวกต้องใช้ท้องช่วยในการหายใจ กระบังลมนี้ยกสูงขึ้นลงแบบแมวหอบ ดูน่าตกใจ ส่วนคนก็เหนื่อยเดินทางกับกังวลใจว่าถ้าต้องผ่าตัดจะทำยังไง เพราะหมอที่ผ่าตัดได้จะมาวันเสาร์แต่เราไปตั้งแต่วันพฤหัสบดี สุดท้ายคุณหมอแจ้งว่าต้องให้อัลตร้าซาวน์ดูก่อนว่าเกิดอะไรขึ้น พอเช็คก็ได้คำตอบว่ามีของเหลวในช่องอก หลังจากรู้ว่ามีของเหลวแต่ไม่แน่ใจว่าเป็นเลือด น้ำ หรือน้ำเหลือง ก็ต้องเช็คกันอีกที โดยการทำ X-ray ดูว่าของเหลวอยู่ที่ตำแหน่งไหนอย่างแน่ชัด และก็ได้คำตอบว่าน้องมีของเหลวอยู่ในช่องทรวงอก ที่ไม่ควรจะมีของเหลวต้องเป็นสูญญากาศเท่านั้น จนของเหลวนี้ดันให้ปอดไปอยู่ท้ายๆ เหลือด้านหลังติดกับท้อง ขนาดปอดเหลือนิดเดียว ทำให้หายใจไม่สะดวกต้องใช้ท้องช่วยหายใจ ถ้ามาช้ากว่านี้ก็มีโอกาสเสียชีวิตได้เช่นกัน เพราะถ้าน้องเริ่มต้องหายใจโดยใช้ปากช่วยอันนี้ถือว่าอันตรายแล้วค่ะ

แค่มองด้านหลังก็พอรู้ว่าสามีกังวลมากแต่ถึงมือหมอแล้วก็เบาใจขึ้นเยอะ

32855199_1859938057377624_1060611627939790848_n.jpg

ตอนรอคุณหมอ น้องแมวก็ดูเหนื่อยล้าและก็ยังไม่รู้สภาพชะตาชีวิตตัวเองว่าจะโดนโกนขนเป็นครึ่งไก่ครึ่งแมว

32849447_1859938084044288_7954527831625564160_n.jpg

คุณหมอเลยแจ้งว่าจะต้องเจาะและดูดเอาของเหลวทั้งหมดออกมาจากช่องทรวงอกของน้องเมีย เพื่อนำมาวินิจฉัยว่า เป็นของเหลวประเภทไหน ต้องโกนขนด้านลำตัวออกทั้ง 2 ข้าง ตัวนี้ขาวเนียนซีดเฉียว ดูไปเหมือนไก่มากกว่าแมว ตอนที่คุณหมอแจ้งว่าต้องเจาะและดมยาสลบ ทางเจ้าของต้องรับทราบและยินยอม เพราะถ้าเจาะแบบไม่ใช่ยาสลบช่วยจะเจ็บปวดมาก ตอนได้ยินว่าต้องเจาะก็ใจเสีย แต่อีกใจก็ดีใจที่น้องไม่ต้องผ่าตัดเปิดช่องอก เพราะยิ่งทำให้เสี่ยงต่อการเสียชีวิตมากกว่า ส่วนสามีวิหรอค่ะ ไม่ต้องห่วงรายนั้นหน้าเศร้า ไม่ยิ้มหน้าดูกังวลตลอด พอเค้ารู้ว่าต้องเจาะตัว เค้าก็ขอคุณหมอเข้าไปกอดน้องเมียสุดที่รัก 1 ครั้งก่อน พอเจ้าของกับแมวเจอกัน แถบจะโผเข้ากอดกัน ตัวน้องแมวก็งงๆ ว่าที่นี้คือที่ไหน พอเจอหน้าวิกับยานนิคก็พยายามจะลุกขึ้นมาเดินหา จนพยาบาลต้องตะครุบตัวไว้ วิก็บอกสามีไปว่า น้องแมวต้องไปเป็นอะไร คุณหมอต้องดูแลให้อย่างดี ให้คุณหมอรีบจัดการเถอะ เราจะได้รู้ผลเร็วขึ้น เพราะการดมยาแล้วให้สลบแมวแต่ละตัวก็ใช้เวลาไม่เท่ากัน แต่เวลาเจาะใช้เวลาไม่นาน แต่ทำให้สลบก็ขึ้นอยู่ว่าตัวไหนประสาทแข็งกว่ากัน

สภาพคุณนาย ถูกให้น้ำเกลือ และให้ออกซิเจนช่วยหายใจ แต่คุณหมอบอกว่าฟื้นตัวเร็วมาก หายใจได้เองตั้งแต่ตอนเที่ยงคืน ถูกเจาะทำให้สลบไปตั้งแต่ สี่ทุ่มออกมาก็เกือบห้าทุ่ม พอตอนเช้าก็ร้องเหมียวๆ ขอข้าวและกินได้หมดไม่มีเหลือ แสดงว่าโอเคไม่มีปัญหาอะไร ใจและกายยังสู้โว้ย น้องเมียบอก 555

32918558_1859937977377632_4630684402534318080_n.jpg

32785926_1859938037377626_3445381683489013760_n.jpg

ช่วงระหว่างรอวิกับยานนิคก็ต้องไปหาโรงแรมนอน ก็หาที่ใกล้ๆ ไม่ไกลมาก อยู่ห่างประมาณ 10 นาที ถ้าขึ้นรถตุ๊กตุ๊ก โชคดีพี่คนขับรถที่ขับมาส่งจากท่ารถ เค้าทิ้งเบอร์ให้โทรไปบอกเค้า จะได้มารับให้ไปส่งที่โรงแรม ไม่งั้นก็ต้องเดินขาลากแน่ๆ เพราะถนนที่โรงพยาบาลตั้งพอ ตกดึกจะหารถตุ๊กตุ๊ก หรือแท๊กซี่ไม่ได้เลย โรงแรมแห่งนี้อยู่ไม่ไกลจากเซ็นทรัลพลาซ่าด้วยค่ะ ทำให้เราสะดวกในการกินข้าวตอนเช้าหรือกลางวัน ระหว่างรอดูอาการน้องเมียในวันรุ่งขึ้น เพราะในห้างใหญ่ไม่ได้ไม่ดีก็ต้องมี Mc'Donalds แน่นอน เน้นกินง่ายจะได้มีเวลาไปดูน้องเร็วขึ้น ตอนแรกเรากะว่าจะเช็คอินแล้วรีบกินข้าวเย็น จริงๆ ต้องเรียกกินข้าวดึก เพราะไปกินก็จะ ห้าทุ่มไปแล้ว ก็หากินร้านอาหารอีสานตรงข้ามโรงแรม สะดวกดีค่ะ แต่พอดูเวลาก็คิดว่าไปตอนนี้ก็จะกลับลำบาก อีกอย่างคุณหมอก็รับปากว่าจะโทรหาทันทีที่ได้ผลตรวจว่าของเหลวเป็นอะไร ถ้าเป็นเชื้อไวรัสหรือเลือด ก็จะได้แจ้งว่าเราจะต้องทำอะไรต่อไป โรงพยาบาลสัตว์แห่งนี้เปิด 24 ชม. เลยค่ะ แล้วคุณหมอก็โทรหาจริงๆ ค่ะ บอกว่าของเหลวที่ดูดออกมาเป็นเม็ดเลือดขาวที่มีการแบ่งตัวจำนวนมาก ดังนั้นคุณหมอต้องขอตรวจอีกทีว่าน้องเป็น มะเร็งเม็ดเลือดขาวไหม หรือที่เราเรียกว่าลูคิวเมีย พอได้ยินน้ำตาจะไหลให้ได้แต่พยายามสะกดเอาไว้ มันเหมือนเรื่องโกหก เพราะตอนที่เรารับเลี้ยงเค้าเราก็พาไปฉีดวัคซีนป้องกันลูคิวเมีย กับพิษสุนัขบ้าแล้ว แต่ทำไมยังเป็นได้ ตอนนั้นคิดว่าหรือเราจำพลาด ทำให้โกรธตัวเองมากว่าหรือเราไม่ได้ให้คุณหมอฉีดก่อนหน้านั้น สามีวินี้อึ้งไปเลยค่ะ รู้เลยว่าเศร้าและเสียใจมาก เพราะคุณหมอบอกว่าถ้าแมวที่เป็นลูคิวเมีย จะอยู่ได้ประมาณ 4 เดือน - 1 ปี ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดู ทำให้เรายิ่งช๊อคเข้าไปใหญ่ คุณหมอบอกว่าให้ทำใจไว้เลย พูดแบบนี้ยิ่งเพิ่มดราม่าให้กับสองผัวเมียเข้าไปอีก น้ำตาแตกเลย ฮือ ๆ พอกลับมาเกาะพะงันรีบเช็คสมุดฉีดวัคซีน ก็ระบุว่าได้รับการฉีดวัคซีนป้องกันลูคิวเมีย แต่มันก็มีโอกาสไม่สามารถป้องกันได้ 100 % ก็เลยทำใจว่าเพราะเค้าคงจะเกิดมาเพื่อเป็นลูคิวเมียหละมั้ง คิดแบบนี้ก็ทำให้สบายใจขึ้น เพราะเป็นไปแล้วจะไปต่อว่าคุณหมอที่ฉีดวัคซีนให้ก่อนหน้านั้นก็คงไม่มีประโยชน์ หาวิธีดูแลเค้าให้ดีที่สุดคือสิ่งที่วิกับสามีคิดถึงและพยายามจะทำให้ได้มากกว่าการไปนั่งว่าใคร เพราะมันเป็นอดีตเราแก้ไขอะไรไม่ได้แล้วค่ะ

ความรักที่สามีมีให้กับเมียน้อย เราก็ยอมให้เค้าแสดงความรักต่อกันโดยไม่อิจฉาใดๆ ทั้งสิ้น

32916048_1859937967377633_2650778674638356480_n.jpg

32837766_1859937944044302_4435755757027196928_n.jpg

คุณหมอบอกว่าขอเช็คผลให้ชัวร์ๆ ก่อนดีกว่าว่าเป็น ลูคิวเมียแน่นอน เพราะน้องมีโอกาสเป็นมะเร็งอย่างอื่นเช่นกัน เพราะจากการเช็คให้ละเอียดอีกรอบพบว่าน้องมีก้อนเนื้อขนาดกลางอยู่ตรงช่องทรวงอกทำให้หายใจไม่ถนัด ตรงนี้แหละที่ทำให้มีของเหลวไหลออกมาเพราะไหลมาจากเนื้องอก คุณหมอเลยขอส่งของเหลวไปให้ที่แล็บที่กรุงเทพเช็คอีกทีว่ามีติดเชื้ออะไรหรือเปล่า เพราะส่วนมากแมวจะไม่เสียชีิวิตเพราะลูคิวเมีย แต่จะเสียชีิวิตจากโรคแทรกซ้อน เพราะภูมิคุ้มกันไม่มีหรือมีก็ต่ำกว่าปกติ เวลาติดเชื้ออะไรก็ป่วยง่ายและตายไว ตอนนั้นก็คิดว่าจะทำยังไงกันดี ก็เช็คข้อมูลในเน็ตกันใหญ่เลยสองผัวเมีย ก็ได้ความว่าถ้าแมวเป็นโรคนี้ต้องเลี้ยงแบบระบบปิดเท่านั้น จะให้ไปแต๊ดแต๋นอกบ้านเหมือนแต่ก่อนก็ไม่ได้ สามีก็เลยเครียดว่าแมวเป็นสัตว์ที่รักอิสระ อยากออกนอกบ้านมากกว่าอยู่ติดบ้านแล้วเราก็เลี้ยงเค้าแบบเปิดมาตลอด ก็ไม่รู้ว่าแมวจะเครียดไหม แต่เพื่อให้ชีวิตอยู่รอดก็ต้องปรับพฤติกรรมใหม่ทั้งคนเลี้ยงทั้งตัวสัตว์เลี้ยง

ขากลับจากสุราษฎร์ธานี ขึ้นเรือเร็ว ต้องเสียค่านำแมวขึ้นเรือด้วย แต่ต้องนั่งข้างนอกห้ามนั่งในห้องแอร์ รับลมโชยอ่อนๆ อากาศไม่ร้อนมาก แต่แดดแรงเสียเหลือเกิน ฝรั่งก็มีความสุขอาบแดดไประหว่างรอให้เรือไปถึงเกาะสมุย เกาะพะงัน ใช้เวลาได้คุ้มค่า แต่ก็กลัวผิวแต่ละคนจะไหม้แสบซะก่อนอ้ะซิ

32853570_1859936494044447_4036400523794972672_n.jpg

32910019_1859936890711074_7471522698644946944_n.jpg

33030055_1859936257377804_2690378144258457600_n.jpg

พอเกิดเหตุการณ์แบบนี้ทำให้วิรู้เลยว่าการเลี้ยงแมว เราควรจะต้องเลี้ยงระบบปิดจะดีกว่า เพราะไม่เสี่ยงกับการไปติดเชื้อจากข้างนอก จากการไปสู้รบกันกับแมวตัวอื่นหรือไม่ก็หมาที่อยู่ในละแวกนั้นๆ ไม่ต้องไปเจอรถชน หรือคนทำร้าย เอายาเบื่อให้กิน และที่สำคัญจะได้ไม่ต้องไปทำความเดือดร้อนให้ชาวบ้านคนอื่นๆ ด้วย วิเองก็พึ่งรู้ว่าการเลี้ยงระบบปิดจะดีกว่าระบบเปิด ทำให้แมวที่เลี้ยงมีชีวิตยืนยาวกว่าปล่อยเป็นอิสระ ตอนแรกก็คิดว่าน่าจะเป็นการฟื้นธรรมชาติน้องแมวไหม เพราะนิสัยเค้าชอบสอดรู้สอดเห็น ยิ่งวิย้ายที่อยู่ใหม่ แมวก็อยากจะไปหาที่อยู่เก่าที่เค้าคุ้นเคย หิวถึงจะกลับมากินอาหารที่เราเตรียมไว้ให้ ไม่เหมือนสุนัขที่เค้าจะติดเจ้าของมากกว่าติดที่อยู่

33248918_1859937260711037_8692136147716931584_n.jpg

ก็เลยตัดสินใจกับยานนิคว่าต้องให้แมวอยู่ในบ้านหรือออกไปตรงระเบียงบ้านได้แต่ต้องอยู่ในสายตา คอยมองว่าไม่มีแมวตัวอื่นมาวุ่นวายด้วย หรือหนีหายไปอีก เพราะต้องกินยาให้ครบตามที่หมอสั่ง ระหว่างรอผลการตรวจ จะได้รักษาได้ถูกต้องและถูกวิธี เชื่อไหมว่าเป็น 1 อาทิตย์ที่ทรมานทั้งคนทั้งแมว เพราะคุณนายร้องเงี้ยวๆ ตลอดเวลา เพราะจะออกข้างนอก ตอนกลางวันเราก็พอทำใจ หาของเล่นให้เล่น รอเล่นกับเค้าเหมือนทาส ก็ไม่สนใจไม่อยากเล่น อยากจะออกข้างนอก คืนแรกนี้เหมือนคนมีลูกอ่อนเลยค่ะ ร้องทั้งคืน ตะกายมุ้งลวดหน้าต่างเป็น Spider cat ทำเอาวิกับยานนิคนอนไม่ได้ทั้งคืน เลยเข้าใจคนมีลูกเลยว่าไม่ได้หลับได้นอนเป็นยังไง 555 คืนต่อๆมาก็เหมือนเดิมค่ะ สงสารแต่ก็ต้องทำใจแข็ง ถ้าให้ออกไปก็จะหนีไปอีก คราวนี้จะลำบากเพราะต้องไปตามหาแล้วถ้าไม่ได้กินยาฆ่าเชื้อ ก็มีโอกาสตายได้ใน 1 สัปดาห์ ถ้าร่างกายมีเชื้ออยู่ในตัวอยู่แล้ว พอคืนต่อๆ มาก็เริ่มทำใจได้ทั้งคู่ ตอนสายๆ บ่ายๆ หรือเย็นๆ ก็จะพาออกมานั่งดูนู้นนี้นั้นหน้าระเบียงให้คลายความเครียด แล้วค่อยเอาเข้าบ้านค่ะ เพราะถ้าให้อุดอู้ในบ้านตลอด 24 ชม ก็คงจะหงุดหงิดหรือเศร้าสร้อยตายแน่ๆ ถึงร่างกายจะดีขึ้น แต่สภาพจิตใจหรืออารมณ์อาจจะแย่ตาม

หน้าคุณสามีที่ไม่ค่อยยิ้ม ปกติจะยิ้มสู้กล้องแต่ช่วงนั้นหมดอารมณ์ไปเลย กังวลใจว่าแมวรักจะเป็นยังไง

32904324_1859937810710982_5851147390311989248_n.jpg

วันนี้ผลตรวจโรคออกมาแล้วค่ะ ไม่พอว่ามีเชื้อใดๆ ในของเหลวที่ดูดออกมาแต่พบว่ามีเนื้องอกที่เป็นมะเร็งอยู่ในช่องอกตามที่คุณหมอได้แจ้งไว้ก่อนหน้านี้ ต่อจากนี้คุณหมอก็เลยแจ้งว่าให้เราไปติดต่อโรงพยาบาลสัตว์ที่สะดวกและใกล้บ้าน เพื่อทำการรักษาโดยคีโม แต่เป็นการฉีดและกินยาเม็ด ไม่ต้องฉายแสง พอได้คำแนะนำจากคุณหมอ พร้อมใบผลตรวจเชื้อ ก็บอกสามีว่าต้องหาโรงพยาบาลที่พร้อมจะทำคีโมให้น้องเมยแล้ว ก็เลยตัดสินใจโทรไปเช็คที่เกาะสมุย ก็พบว่ามีแค่ที่เดียวที่สามารถดูแลรักษาได้ตามที่สัตว์แพทย์ที่สุราษฎร์ธานีแนะนำ เลยตัดสินใจเดินทางไปวันพรุ่งนี้เลยค่ะ คุณหมอแจ้งคร่าวๆ ว่าต้องทำการฉีดยาทุกสัปดาห์ติดต่อกัน 1 เดือน หลังจากนี้เป็น 3 อาทิตย์ครั้ง ไปตลอดทั้งปี ซึ่งคุณหมอแจ้งว่าเข็มแรกเข็มที่สองก็เห็นผลกับตัวน้องแมว เพราะจะหายใจได้ดีขึ้น คุณหมอแจ้งว่าเนื้องอกก็จะเล็กลง แต่ต้องกินยาคู่กันไป พอได้ยินก็รู้สึกโล่งใจคือ น้องไม่มีเชื้ออื่นๆ ในตัว มีแค่ตัวมะเร็งเนื้องอกนี้แหละที่เป็นปัญหา ก็หวังว่าการรักษาจะได้ผลและเนื้องอกจะเล็กลง จนไม่มีของเหลวออกมาอยู่ในช่องอก น้องแมวจะได้ไม่เจ็บตัวโดนเจาะตัวอีกรอบ

โรงพยาบาลนี้ค่ะ อยู่ที่สุราษฎร์ธานี ดูแลดีมากและคอยอัพเดทข้อมูลให้ตลอด ต้องขอบคุณคุณหมอ พยาบาลและเจ้าหน้าที่ทุกท่านจริงๆ ค่ะ

32915319_1859937880710975_5498683914232791040_n.jpg

คิดแล้วก็สงสาร และเข้าใจเลยว่าการมีสัตว์เลี้ยงเราก็ต้องมีความรับผิดชอบ ไม่เลี้ยงแบบทิ้งขวาง วิไม่ชอบเวลาที่คนเราเลี้ยงสัตว์เพราะมันดูน่ารักตอนเด็ก ๆ พอโตมาความน่ารักลดลง หรือป่วยก็เอาไปปล่อยตามวัด ตามข้างถนน มันแสดงถึงความไม่รู้จักรับผิดชอบต่อชีวิตคนอื่น ถึงจะเป็นสัตว์ก็ตาม ถ้าต่อไปใครที่คิดจะหาสัตว์มาเลี้ยงต้องคิดให้ดีนะคะ ไม่งั้นเราก็เหมือนสร้างภาระให้สังคมโดยการเพิ่มจำนวนสุนัขหรือแมวจรจัด ที่ตอนนี้ก็มากขึ้นทุกที แต่ก็น่าแปลกใจนะคะ มีสุนัขจรจัดแถวบ้านอยู่ 2 ตัวที่ชีวิตนี้โครตอึด ยิ่งกว่าแมว 9 ชีิวิตโดนรถชน 2 ครั้ง จนกระดูกหัก เดินไม่สะดวก อีกตัวเป็นนักรบประจำหมู่บ้านโดนกัดจะหลังทะลุ ก็ไม่ตาย ไม่ติดเชื้อใดๆ ทั้งสิ้น จนสงสัยว่าเพราะความที่เค้าต้องหากินเอง ต่อสู้ด้วยตัวเอง ทำให้ภูมิคุ้มกันเค้าแข็งแรงมากกว่าสัตว์เลี้ยงที่ถูกประคบประหงมหรือเปล่า อย่างน้องเมียตอนก่อนมาอยู่กับวิก็ได้ข่าวว่าก็ยังแข็งแรง ไปบ้านคนนี้ จนโดนตีโดนไล่มาหลายบ้าน พอมาอยู่กับวิได้ใช้ชีวิตดีขึ้น ภูมิคุ้มกันที่เคยมีจากเป็นแมวจรจัดมันลดลงหรือเปล่า ตอนนี้เลยกลายเป็นแมวที่ต้องดูแลประดุจลูกสาวไปแล้ว 555

ขอบคุณทุกกำลังใจที่ทุกๆ คนให้เสมอมานะคะ

รักและคิดถึง

ขอบคุณค่ะ

วิ

Sort:  

อ่านแล้วเศร้าใจครับ Y^Y ปลาทองผมตั้งเก้าตัวเน่าคาห้องนอนเลย Y^Y

^^ ดูแลเขาดี เขาให้คุณอย่างแน่นอนครับ สงสารแต่คนเลี้ยงนี่แหละครับ ห่วงแมวจนยิ้มไม่ออกเลย สู้ๆ ครับ ^^

จริงนะคุณก๊งเลี้ยงมามันผูกพัน ก็ต้องเลี้ยงให้ดีที่สุด ทำแล้วสบายใจดีกว่ามาเสียใจทีหลังค่ะ ส่วนสามีก็คลายกังวลไปนิดนึง ก็ต้องรอดูว่ารักษาโดยคีโมจะมีผลอะไรบ้างหรือเปล่า

ขอให้น้องแมวหาไวๆนะคะ

ขอบคุณค่ะ​คุณเหมียว เดี๋ยว​ต้อไปรักษาทางคีโมจะทำให้เนื้องอกเล็กลงได้ไหม รอติดตามนะคะ

เข้าใจเลยค่ะ เพราะไม่ชอบเลยตอนเด็กๆ (น้องหมา) ที่บ้านไม่สบายอ่ะ
ไม่เป็นอันทำงานเลย

จริงค่ะใจมันพะวง นี้แค่สัตว์เลี้ยง​ถ้าเป็นลูกคนจะขนาดไหน 😂🤣

คุณวิและสามีคงทั้งเหนื่อยและกังวล ขอให้น้องแมวหายไวๆ นะคะ

ตอนนี้ดีขึ้นแล้วค่ะ คุณใบบัวขอบคุณค่ะ​สำหรับกำลังใจ คิดในแง่ดีต่อไปต้องเลี้ยงแบบให้อยู่ติดบ้านมากขึ้น ไม่งั้นก็อาจจะโดนรถชน หมากัดหรือยาเบื่อแทนถ้าปล่อยอิสระแบบเมื่อก่อน

สัตว์เลี้ยงเป็นเหมือนลูกจริงๆเข้าใจสถานการณ์นี้

ใช่เพื่อนเลิฟ นี้มาคิดถ้ามีลูกจริงๆ จะกังวลใจกว่านี้แน่ๆ ทำให้ไม่อยากมีลูกเลย 555

ผมรู้ว่าคุณวิเป็นคนเข้มแข็งอยู่แล้ว คงต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุดไม่ว่าผลข้างหน้าจะเป็นยังไง เป็นกำลังใจให้คุณวิ และสามีนะครับ

ขอบคุณค่ะ​สำหรับกำลังใจที่คุณโจ้มอบให้ ถ้าจะปล่อยให้ตายต่อหน้าเราแบบไม่ทำอะไรเลยก็ดูจะใจดำไปนิด คิดซะว่าเอามาเลี้ยงแล้วก็ต้องดูแลกันจนวันสุดท้าย บอกสามีว่าต้องมีกำลังใจดี ถ้าเศร้าเดี๋ยว​แมวรับรู้จะป่วยใจอีก สรุปตั้งแต่กลับมาก็กินได้ นอนหลับ ฉี่อึเป็นที่ทาง แถมร้องเสียงังเพราะอยากออกจากบ้านอีกต่างหาก ไม่เหมือนแมวป่วยสักนิด 555

จริงครับทำที่เราสามารถทำได้ ดีกว่าไม่ได้แล้วมาเสียใจภายหลังครับ คนหรือสัตว์ก็มีชีวิตจิตใจเหมือนกันครับ คุณวิเป็นคนที่คิดดีทำดีอยู่แล้วครับ

ขอให้น้องเมียหายไวๆนะคะ แมวของแม่เมื่อสองปีที่แล้วพาไปทำหมัน หลังจากคลอดลูกได้ 6 เดือน และหมอที่ทำหมันวินิจฉัยว่า มอมแมมคือชื่อแมวของแม่ เป็นมะเร็งเต้านม น่าจะอยู่ได้ไม่เกิน 1ปี ในตอนนั้นดาวและแม่เศร้าใจมาก นี่ก็ผ่านมาสองปีแล้ว มอมแมมยังอยู่อ้วนท้วนแข็งแรงมาก และไม่มีอาการป่วยไข้เลยค่ะ

ขอบคุณค่ะ​น้องดาว ได้อ่านแล้วมีกำลังใจขึ้นเยอะ แมวป่วยถ้าได้รับการดูแลรักษาเอาใจใส่ดีๆ เผลอๆ อยู่นานกว่าแมวปกติอีกนะ บางทีสัตว์​แพทย์​ก็ชอบพูดให้ใจเสียจริงๆนะ เพราะคุณหมอก็บอกไม่ได้ว่าจะรอดหรือจะไม่รอด ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงหลังจากป่วยนี้สำคัญ วันนี้ไปสมุยจะพาไปคีโมดูว่าจะเป็นยังไงบ้าง เดี๋ยว​อัพเดทอีกทีนะจ้ะ

มาเชียร์ให้น้องเมียสู้ๆนะคะ

ขอบคุณค่ะพี่ซี ตอนนี้ก็สู้ทั้งคนเลี้ยงทั้งแมวค่ะ ชีวิตก็แบบนี้นะคะ เกิด แก่ เจ็บ ตาย แต่ตอนยังอยู่เราก็สู้ให้มีชีวิตที่ดี สู้ยิบตา 555

555 งั้นเชียร์คนเลี้ยงด้วยค่ะ

กลับมาเมื่อไหร่ไปกินข้าวด้วยกันนะ พี่เคยมี 3 หมา แต่ตั้งแต่เขาจากไปสวรรค์ทั้งหมด ก็ตั้งปณิธานเอาไว้เลยว่า ถ้ายังไม่พร้อมทั้งกายและใจจะไม่มีอีก หวังว่าน้องเมียคงดีขึ้น

เศร้าจังค่ะ ขอให้วเจ้าแมวอาการดีขึ้นเรื่อยๆนะค่ะ

สงสารทั้งคนและน้องแมวเลยค่ะคุณวิ

ขอให้แมวหายไวๆนะคะน้องวิ

เศร้าแทนพี่วิและพี่เขยมากมาย...ดีที่ไม่เลี้ยงอะไรนอกจากปลา เดี๋ยวผูกพัน แล้วจะสงสาร