เป็นข่าวใหญ่ในวงการท่องเที่ยว ที่รัฐบาลฟิลิปปินส์ออกมาประกาศสั่งปิดหาดดังอย่างหาด Boracay เริ่มตั้งแต่วันที่ 26 เมษายน 2018 นี้เป็นต้นไป
สำหรับหาด Boracay เป็นแหล่งท่องเที่ยวที่สำคัญของฟิลิปปินส์ ทำรายได้เข้าประเทศถึง 1 พันล้านเหรียญสหรัฐสำหรับปีที่แล้ว และมียอดนักท่องเที่ยวถึง 2 ล้านคนและมีการจ้างงานในอุตสาหกรรมท่องเที่ยวบนหาด Barocay ถึง 30000 คน ประธานาธิบดีของฟิลิปปินส์ Rodrigo Duterte ได้กล่าวว่าหาด Boracay เหมือนกับถังสำหรับทิ้งขยะและของเสีย
ธุรกิจเกือบ 200 แห่งบนหาด Boracay ได้ถูกตรวจพบว่าได้ปล่อยน้ำเสียลงในทะเลโดยไม่ได้มีการบำบัดแต่อย่างใด ทำให้บริเวณหน้าหาดเต็มไปด้วยเศษขยะที่เป็นอันตรายต่อนักท่องเที่ยวที่มาเล่นน้ำ สำหรับผู้ใช้แรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการสั่งปิดหาด Boracay ได้ออกมาเรียกร้องการเยียวยาจากรัฐบาล ในส่วนของรัฐบาลได้เตรียมเงินกว่า 2 พันล้านเปโซหรือประมาณ 38.4 ล้านเหรียญสหรัฐสำหรับผู้ใช้แรงงานที่ได้รับผลกระทบจากการสั่งปิดหาด
แน่นอนเป็นการสั่งการที่เด็ดขาดจากรัฐบาลฟิลิปปินส์ที่สั่งปิดหาดที่ทำรายได้หลักของประเทศ และการสั่งปิดในครั้งนี้คาดว่าจะทำให้ GDP ลดลง 0.1 เปอร์เซ็นต์ ถึงอาจจะสูญเสียเงินไปจำนวนเยอะและโอกาสในการสร้างรายได้เข้าประเทศ แต่ถ้าปล่อยไปแบบนี้ไม่ว่าจำนวนเงินเท่าไหร่ก็ไม่สามารถซื้อคืนสภาพธรรมชาติ สิ่งมีชีวิตทางทะเลที่ถูกทำลายให้กลับมาสมบูรณ์ได้
การสั่งปิดหาดดังของรัฐบาลฟิลิปปินส์น่าจะเป็นตัวอย่างและเป็นกรณีศึกษาที่น่าสนใจของประเทศในแถบเอเชีย โดยเฉพาะประเทศไทยที่ทำรายได้เข้าประเทศจากการท่องเที่ยว
Philippines President Rodrigo Duterte, who described Boracay as a “cesspool”, ordered the island closed for six months starting April 26.
The government has prepared 2 billion pesos (US$38.4 million) for a “calamity fund” to workers in Boracay.